วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วิชา THUM 3021 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 8

รู้คิด Analytical Thinking and Critical Thinking
 มีเป้าหมาย  Goal-Orientation
 มุ่งความสำเร็จ Toward  Success
  ความหมายตามพจนานุกรม
             รู้คิด  หมายถึง การคิดเชิงวิจารณญาณ เป็นกระบวนการทางจิตสำนึกเพื่อวิเคราะห์หรือ ประเมินข้อมูลมีการศึกษาข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจใดๆ จากการรวบรวมข้อมูล การสังเกต  ประสบการณ์และใช้ หลักแห่งเหตุและผล
            มีเป้าหมาย หมายถึง   จุดมุ่งหมาย, เป้าประสงค์หรือความมุ่งหมายที่เรากำหนดขึ้น เป็นเป้าหมายที่ต้องการอย่างยิ่ง
          มุ่งความสำเร็จ หมายถึง   การพยายามฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง เพื่อมุ่งให้ประสบผลสำเร็จ    ได้บรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
 นิยามความหมาย*
          การรู้จักคิด พิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสมาธิ ไม่วอกแวก หวั่นไหวไปตามกระแสความคิด  ความนิยม ให้รู้จักพิจารณาด้วยเหตุผล ด้วยความรอบคอบ สุขุม ถึงที่มาที่ไปของสิ่งและเหตุการณ์  การมีความตระหนักในบาปบุญ   คุณโทษ  ในผลดีผลเสียที่จะตามมาทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
             การตั้งเป้าหมายชีวิตด้วยความรอบคอบ ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มีแผนการของชีวิตที่ชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอน ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เพ้อฝัน หรือฟุ้งซ่าน และมีความมุ่งมั่น ปฏิบัติให้สำเร็จตามขั้นตอน ตามแผน จนกว่าจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางคือสันติสุขอันมั่นคงและยั่งยืน

*(ศาสตราจารย์ ดร. นิพนธ์ คันธเสวี และ ศาสนาจารย์ ดร.ดอบสัน  เคนเนต, 2547)

วิชา THUM 3019 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 6

สร้างสันติ และการปรองดอง (Peace Agent and Reconciliation)
ความหมายตามพจนานุกรม
          สร้างสันติ หมายถึง ผู้กระทำหรือไกล่เกลี่ยเพื่อลดความขัดแย้ง ความไม่ลงรอยระหว่างบุคคลสองฝ่าย ให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน เกิดความสงบ ความสันติ    
          ปรองดอง หมายถึง ประนีประนอม ยอมกัน  ตกลงกันด้วยไมตรี
 นิยามความหมาย*

          ผู้กระทำหรือไกล่เกลี่ยเพื่อลดความขัดแย้ง ประนีประนอม ยอมกัน  ความไม่ลงรอยระหว่างบุคคลสองฝ่ายตกลงกันด้วยไมตรี  ให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน เกิดความสงบ ความสันติ    

*(ศาสตราจารย์ ดร. นิพนธ์ คันธเสวี และ ศาสนาจารย์ ดร.ดอบสัน  เคนเนต, 2547)

วิชา THUM 3017 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 4

อดทน และ อดกลั้น (Endurance and Restraint)      
 ความหมายตามพจนานุกรม
          อดทน หมายถึง ความเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคใด ๆ มุ่งมั่นที่จะทำงานให้บังเกิดผลดีโดยไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน  ได้แก่   - อดทนต่อความยากลำบาก แม้เจ็บป่วย ทุกข์ทรมาน ก็ไม่แสดงอาการจนเกินกว่าเหตุ  -  อดทนต่อการตรากตรำทำงาน ไม่ทอดทิ้งงาน ฟันฝ่าอุปสรรคจนประสบผลสำเร็จ
          อดกลั้น หมายถึง การระงับใจ ระงับอารมณ์ ความพยายามอย่างเข้มแข็งมีใจหนักแน่นมั่นคง
2.1 อดกลั้นต่อความไม่พอใจ, การเจ็บใจ  โดยไม่แสดงความโกรธ ไม่ตอบโต้  ไม่อาฆาตพยาบาทคนอื่นที่ทำให้เราโกรธ  อดทนต่อคำเสียดสี
2.2 อดกลั้นใจต่อกิเลส คือ ไม่ลุ่มหลง ไม่อยากมี  อยากได้  อยากเป็นเหมือนผู้อื่น จนเกิดทุกข์ 
2.3 อดกลั้นใจ ไม่ตามใจตนเองมากเกินไป จนส่งผลให้ชีวิต พบกับความเสื่อมเสีย  ปัญหาความเดือดร้อนตามมาในภายหลัง  จนไม่อาจบรรลุเป้าหมายของชีวิตที่ตั้งไว้
นิยามความหมาย*
          การไม่ยอมแพ้ต่อความเจ็บปวดความยากลำบากทั้งทางกายและทางจิตใจ การไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสสังคม ในรูป   รส  กลิ่น  เสียงและความมีหน้ามีตา ตลอดจนความไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม การมีใจหนักแน่นไม่หวั่นไหวในอารมณ์ และการมีวินัยในตนเอง
*(ศาสตราจารย์ ดร. นิพนธ์ คันธเสวี และ ศาสนาจารย์ ดร.ดอบสัน  เคนเนต, 2547)


วิชา THUM 3015 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 2

 อาสา และ  ช่วยเหลือ (Volunteer and Helpfulness)
 ความหมายตามพจนานุกรม
           อาสา หมายถึง จิตที่พร้อมจะสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์   เป็นจิตที่ไม่นิ่งดูดายเมื่อพบเห็นปัญหาหรือความทุกข์ยากเกิดขึ้นกับผู้คน   อาสาโดยไม่ต้องมีการร้องขอ   อาสาทำโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นจิตที่มีความสุขเมื่อได้ทำความดีและเห็นน้ำตาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
         ช่วยเหลือ  หมายถึง การช่วยในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อส่วนรวมให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน หรือช่วยให้เขามีความสุข โดยไม่ขัดต่อหลักคุณธรรมจริยธรรม
 นิยามความหมาย*
การช่วยเหลือเกื้อกูล ด้วยความสมัครใจ และเต็มใจโดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทนสำหรับตนเอง
*(ศาสตราจารย์ ดร. นิพนธ์ คันธเสวี และ ศาสนาจารย์ ดร.ดอบสัน  เคนเนต, 2547)

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

แสดงความเมตตาไปทั่ว Random Acts of Kindness

ดิฉันเป็นแต่เพียงคนต่างด้าว ทำไมท่านจึงมองดิฉันด้วยความเอาใจใส่” - นางรูธ 2:10
ว่ากันว่า แอน เฮอร์เบิร์ต นักเขียนชาวอเมริกัน เป็นผู้เขียนข้อความ จงฝึกสำแดงความเมตตาไปทั่วและทำดีเพราะทำได้บนผ้ารองจานในร้านอาหารในปี 1982 ต่อมาข้อความนี้เป็นที่รู้จักผ่านภาพยนตร์และวรรณกรรมและกลายเป็นคำที่เราใช้ทั่วไป
คำถามคือ ทำไมทำไมเราต้องสำแดงความเมตตาแก่ผู้อื่น สำหรับผู้ที่ติดตามพระเยซู คำตอบนั้นชัดเจน คือ เพื่อสำแดงพระเมตตากรุณา และความปรานีของพระเจ้า
มีตัวอย่างเรื่องนี้ในพันธสัญญาเดิม จากเรื่องราวของนางรูธ ผู้อพยพจากโมอับ เธอเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ต่างแดน ที่ซึ่งเธอไม่เข้าใจภาษาและวัฒนธรรม ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังยากจน ต้องหวังพึ่งความเอื้อเฟื้อจากผู้อื่นซึ่งไม่สนใจเธอ
แต่มีชาวอิสราเอลคนหนึ่งที่สำแดงความเมตตาและทำให้เธอประทับใจ (นรธ.2:13) เขาอนุญาตให้เธอเก็บข้าวที่ตกในนาของเขา แต่นั่นไม่ใช่แค่การให้ทาน ความเห็นอกเห็นใจของเขาได้สำแดงพระเมตตากรุณาและความรักมั่นคงของพระเจ้า ผู้ที่เธอสามารถเข้าลี้ภัยใต้ปีกของพระองค์ได้ เธอกลายเป็นเจ้าสาวของโบอาส เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า และเป็นหนึ่งในลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซู ผู้นำความรอดมาสู่โลก (ดู มธ.1:1-16)
เราไม่มีทางรู้ว่าการสำแดงความเมตตาในนามพระเยซู จะก่อให้เกิดสิ่งใดบ้าง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ปรารถนาให้ข้าพระองค์ทำอะไรต่อผู้อื่นในวันนี้บ้าง โปรดทรงนำข้าพระองค์ และขอให้คนนั้นได้เห็นพระองค์
ไม่เร็วเกินไปที่จะแสดงความเมตตา
โดย David Roper
พันธกิจมานาประจำวัน

Random Acts of Kindness
“Why have I found such favor [grace] in your eyes that you notice me—a foreigner?” Ruth 2:10
Some say that the American writer Anne Herbert scribbled the phrase “Practice random acts of kindness and senseless acts of beauty” on a placemat at a restaurant in 1982. The sentiment has since been popularized through film and literature and has become a part of our vocabulary.
The question is “Why?” Why should we show kindness? For those who follow Jesus, the answer is clear: To show the tender mercy and kindness of God.
There’s an Old Testament example of that principle in the story of Ruth, the emigrant from Moab. She was a foreigner, living in a strange land whose language and culture she did not understand. Furthermore, she was desperately poor, utterly dependent on the charity of a people who took little notice of her.
There was one Israelite, however, who showed Ruth grace and spoke to her heart (Ruth 2:13). He allowed her to glean in his fields, but more than simple charity, he showed her by his compassion the tender mercy of God, the One under whose wings she could take refuge. She became Boaz’s bride, part of the family of God, and one in a line of ancestors that led to Jesus, who brought salvation to the world (see Matt. 1:1–16).
We never know what one act of kindness, done in Jesus’s name, will do.
Lord, what do You want me to do for another today? Lead me. And may that person see a glimmer of You.
It’s never too soon to be kind.


By David Roper

Our Daily Bread Ministries

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

เก่าแต่ใหม่ Old Yet New

พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า ดูเถิดเราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่” - วิวรณ์ 21:5
ในปี 2014 เกิดหลุมยุบใต้พิพิธภัณฑ์รถคอร์เวตต์แห่งชาติในเคนตักกี ทำให้รถสปอร์ตโบราณเชฟโรเลต คอร์เวตต์ตกลงไป 8 คัน สร้างความเสียหายรุนแรงแก่ตัวรถ บางคันไม่สามารถซ่อมได้อีก
รถคันหนึ่งได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ รถคอร์เวตต์คันที่ 1 ล้าน ซึ่งออกจากสายพานผลิตในปี 1992 เป็นคันที่มีมูลค่าสูงสุด สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมันถูกยกขึ้นจากหลุมน่าประทับใจ ผู้เชี่ยวชาญใช้และซ่อมแซมชิ้นส่วนเดิมเกือบทั้งหมดจนสภาพเหมือนใหม่ แม้ว่าสิ่งงดงามนี้จะเคยอยู่ในสภาพยับเยิน ตอนนี้กลับดูดีเหมือนวันที่มันถูกผลิตออกมา
ของเก่าและเสียหายถูกสร้างใหม่
นี่ทำให้เรานึกถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้แก่ผู้เชื่อพระเยซู ในวิวรณ์ 21:1 ยอห์นเล่าว่าได้เห็น ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่นักวิชาการด้านพระคัมภีร์หลายท่านมองว่าโลก ใหม่คือโลกที่ถูกปรับปรุงใหม่ เพราะการศึกษาคำว่า ใหม่ ในที่นี้พบว่าหมายถึง สดใหม่หรือ ถูกซ่อมแซมใหม่หลังจากสิ่งผุพังเก่าๆ ถูกชำระออกไป พระเจ้าจะทรงรื้อสิ่งที่เสื่อมโทรมของโลกนี้ และจัดเตรียมที่ที่สดใหม่แต่คุ้นเคยให้บรรดาผู้เชื่อได้อาศัยอยู่กับพระองค์
ให้เราใคร่ครวญความจริงอันน่าอัศจรรย์นี้ โลกที่ใหม่สดใสสวยงาม และคุ้นเคย ลองจินตนาการถึงฝีพระหัตถ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าดู
องค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบพระคุณพระองค์สำหรับโลกที่สวยงามซึ่งเราอาศัยอยู่ขณะเดียวกัน เราก็จดจ่อรอคอยโลกใหม่ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้แก่เรา เราสรรเสริญพระองค์สำหรับความรักที่ทรงมีต่อเราซึ่งสำแดงผ่านแผนการอัศจรรย์สำหรับอนาคตของเรา
พระเจ้าพระผู้สร้างของเรา ทำให้ทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่
โดย Dave Branon
พันธกิจมานาประจำวัน

Old Yet New
He who was seated on the throne said, “I am making everything new.” Revelation 21:5
In 2014, a sinkhole opened up under the National Corvette Museum in Kentucky, swallowing eight vintage, irreplaceable Chevrolet Corvette sports cars. The automobiles were severely damaged—some beyond repair.
One car in particular received a lot of attention. The one-millionth Corvette, which rolled off the assembly line in 1992, was the most valuable in the collection. What happened to that gem after it was pulled from the sinkhole is fascinating. Experts restored the car to mint condition, mainly by using and repairing its original parts. Although this little beauty was in horrible shape, it now looks as good as it did the day it was built.
The old and damaged was made new.
This is a great reminder of what God has in store for believers in Jesus. In Revelation 21:1, John spoke of seeing “a new heaven and a new earth.” Many biblical scholars see this “new” earth as a renovated earth, for their study of the word new here reveals that it means “fresh” or “restored” after the decay of the old has been wiped away. God will renovate what is corrupt on this earth and provide a fresh, yet familiar place where believers will live with Him.
What an amazing truth to contemplate: a new, refreshed, familiar, and beautiful earth. Imagine the majesty of God’s handiwork!
Lord, we thank You for this beautiful world we live in—but at the same time we anticipate greatly the new world You have in store for us. We praise You for Your love for us, revealed in Your amazing plans for our future.
Our Creator God makes everything new.

By Dave Branon

Our Daily Bread Ministries

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

ฟังเสียงพระเจ้า Listening to God

พระเจ้าทรงเรียก... เจ้าอยู่ที่ไหน”- ปฐมกาล 3:9
ลูกชายตัวน้อยชอบเสียงของฉัน ยกเว้นตอนที่เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงดุและถามว่า ลูกอยู่ไหนหากฉันเรียกเขาแบบนี้ แสดงว่าเขาได้ทำเรื่องไม่ถูกต้องและพยายามปกปิดไม่ให้ฉันรู้ ฉันต้องการให้ลูกชายฟังเสียงของฉันเพราะ ฉันห่วงใยสวัสดิภาพของเขาและไม่อยากให้เขาบาดเจ็บ
อาดัมและเอวาคุ้นเคยกับการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าในสวน แต่เมื่อพวกเขาไม่เชื่อฟังโดยไปกินผลไม้ต้องห้าม พวกเขาจึงไปซ่อนเสียเมื่อได้ยินพระเจ้าตรัสถามว่า เจ้าอยู่ที่ไหน” (ปฐก.3:9) พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้าเพราะรู้ว่าได้ทำเรื่องที่ผิด เรื่องที่พระองค์ทรงห้ามไม่ให้ทำ (ปฐก.3:11)
เมื่อพระเจ้าตรัสเรียกอาดัมและเอวาและพบพวกเขาในสวน พระดำรัสของพระองค์มีทั้งบทลงโทษและผลที่พวกเขาต้องรับ (ปฐก.3:13-19) แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระเมตตาและประทานความหวังแก่มนุษยชาติผ่านทางพระสัญญาถึงพระผู้ช่วยให้รอดด้วย (ปฐก.3:15)
พระเจ้าไม่จำเป็นต้องมองหาเรา พระองค์ทรงทราบว่าเราอยู่ที่ไหน และเรากำลังพยายามปิดบังสิ่งใด แต่ในฐานะที่ทรงเป็นพระบิดาที่รักเรา พระองค์ปรารถนาจะตรัสแก่จิตใจของเรา และนำการยกโทษและการฟื้นฟู พระองค์ทรงประสงค์ให้เราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และตั้งใจฟัง
ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับความรักและการดูแลของพระองค์ ขอบพระคุณที่ประทานพระบุตรของพระองค์ องค์พระผู้ช่วยให้รอดเพื่อให้สำเร็จตามพระสัญญาแห่งการยกโทษและการฟื้นฟู
เมื่อพระเจ้าทรงเรียก เราต้องตอบสนอง
 โดย Keila Ochoa
พันธกิจมานาประจำวัน

Listening to God
The Lord God called . . . “Where are you?” Genesis 3:9
My young son loves to hear my voice, except when I call his name loudly and sternly, followed by the question, “Where are you?” When I do that, I am usually calling for him because he has been into some mischief and is trying to hide from me. I want my son to listen to my voice because I’m concerned about his well-being and do not want him to get hurt.
Adam and Eve were used to hearing God’s voice in the garden. However, after they disobeyed Him by eating the forbidden fruit, they hid from Him when they heard Him calling, “Where are you?” (Gen. 3:9). They didn’t want to face God because they knew they had done something wrong—something He had told them not to do (v. 11).
When God called for Adam and Eve and found them in the garden, His words did include correction and consequence (vv. 13–19). But God also showed them kindness and gave them hope for mankind in the promise of the Savior (v. 15).
God doesn’t have to look for us. He knows where we are and what we are trying to hide. But as a loving Father, He wants to speak to our hearts and bring us forgiveness and restoration. He longs for us to hear His voice—and to listen. 
Thank You, Lord, for Your love and care. Thank You for sending Your Son, our Savior, to fulfill Your promise of forgiveness and restoration.
When God calls, we need to answer.

By Keila Ochoa

Our Daily Bread Ministries

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

Happy New Year 2017


รักทวีคูณ A Multiplied Love


ให้คนที่รักพระเจ้านั้นรักพี่น้องของตนด้วย - 1 ยอห์น 4:21
เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งในคริสตจักรของคาเรนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS หรือที่รู้จักกันในชื่อโรคลูเกห์ริก) อะไรก็ดูแย่ไปหมด โรคร้ายแรงนี้ส่งผลต่อประสาทและกล้ามเนื้อ และทำให้เป็นอัมพาตในที่สุด กรมธรรม์ประกันสุขภาพของครอบครัวไม่ครอบคลุมการดูแลที่บ้าน และสามีของเธอก็ตัดใจให้เธอไปอยู่สถานดูแลผู้ป่วยไม่ได้
คาเรน ซึ่งเป็นพยาบาล มีทักษะที่ช่วยได้ เธอจึงเริ่มไปดูแลหญิงคนนี้ที่บ้าน แต่ไม่ช้า เธอก็ตระหนักว่าไม่สามารถดูแลครอบครัว ของตัวเองพร้อมกับดูแลเพื่อนของเธอไปด้วยได้ เธอจึงเริ่มสอนคนอื่นในคริสตจักรให้ช่วยกัน โรคร้ายดำเนินต่อมาอีกเจ็ดปี และคาเรนได้ฝึกฝน อาสาสมัครไปสามสิบเอ็ดคน ทุกคนโอบอุ้มครอบครัวนี้ด้วยความรัก คำอธิษฐาน และการช่วยเหลือทางกายภาพ
ให้คนที่รักพระเจ้านั้นรักพี่น้องของตนด้วยยอห์นที่เป็นสาวกกล่าวว่า (1 ยน.4:21) คาเรนให้แบบอย่างความรักเช่นนี้แก่เราอย่างยอดเยี่ยม เธอมีทักษะ ความเห็นอกเห็นใจและวิสัยทัศน์ในการรวบรวมคนในคริสตจักรเพื่อโอบล้อมเพื่อนผู้มีความทุกข์ ความรักที่เธอมีต่อคนหนึ่งคนกลายเป็นความรักที่ทวีคูณจากคนมากมาย
พระเจ้าจะทรงใช้ของประทานและความสามารถของคุณในการช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร ทูลขอให้พระเจ้าทรงสำแดงแก่คุณว่าทรงปรารถนาให้คุณใช้ของประทานเพื่อแผ่นดินของพระองค์อย่างไร
จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง พระเยซู
โดย Tim Gustafson
พันธกิจมานาประจำวัน

A Multiplied Love
Anyone who loves God must also love their brother and sister. 1 John 4:21
When a woman in Karen’s church was diagnosed with ALS (amyotrophic lateral sclerosis, also known as Lou Gehrig’s disease), things looked bad. This cruel disease affects nerves and muscles, eventually leading to paralysis. The family’s insurance wouldn’t cover home care, and the stricken woman’s husband couldn’t bear the thought of putting her in a nursing home.
As a nurse, Karen had the expertise to help and began going to the woman’s home to care for her. But she soon realized she couldn’t take care of her own family while meeting the needs of her friend, so she started teaching others in the church to help. As the disease ran its course over the next seven years, Karen trained thirty-one additional volunteers who surrounded that family with love, prayer, and practical assistance. 
Ask God to show you how He wants you to use your gifts for His kingdom.
“Anyone who loves God must also love their brother and sister,” said John the disciple (1 John 4:21). Karen gives us a shining example of that kind of love. She had the skills, compassion, and vision to rally a church family around a hurting friend. Her love for one person in need became a multiplied love lived out by many.
How might God use your talents and abilities to serve others in need? Ask God to show you how He wants you to use your gifts for His kingdom.
Love your neighbor as yourself.  —Jesus


By Tim Gustafson

Our Daily Bread Ministries