วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

วิชา THUM 3016 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 3


กล้าหาญ และ เสียสละ Courage and Sacrifice

96 ความคิดเห็น:

  1. มอบหมายงานนักศึกษา 560393 อ่านบทความแล้วสรุปข้อคิดทุกสัปดาห์พร้อมเขียนข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ3 ตุลาคม 2559 เวลา 21:25

      วันที่ 3/10/59 บทความเรื่อง ของเหลือทิ้งที่มีประโยชน์
      ในปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก พร้อมกันนั้นโลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เพราะมนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรจะหมดหรือสูญหายไปจากโลกนี้ เศษกระดาษหรือสิ่งที่เราไม่ใช้แล้วหลายคนๆคิดว่าเป็นขยะใช้งานไม่ได้ มองข้ามไป โดยไม่รู้ว่าสักวันนึงเราจะได้พึ่งมัน ถึงแม้จะเป็นเศษขยะแต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างงดงามดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของประดับตกแต่ง และของใช้ต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการนำเศษสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนการทิ้งให้สูญเปล่า
      ข้อคิด
      1 อย่ามองข้ามสิ่งที่ไร้ค่า เพราะสักวันหนึ่งอาจจะมีค่าที่คาดไม่ถึง
      2 เป็นการนำเศษสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนการทิ้งให้สูญเปล่า
      3 รุ้จักคุณค่าของสิ่งของนั้น
      4 เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานที่ดี
      5 ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

      ลบ
    2. Ok อ่านแล้วนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

      ลบ
    3. ไม่ระบุชื่อ9 ตุลาคม 2559 เวลา 19:46

      วันที่ 9/10/59 บทความเรื่อง อยากเปลี่ยน DESIRE TO CHANGE
      เคยไหมที่เราไม่เห็นด้วยกับคนอื่นและคิดไปกับคำกล่าวหาว่าเขา เป็นฝ่ายผิดโดยที่ยังไม่ทราบข้อมูลที่เป็นความจริงของอีกฝ่าย ซึ่งนิสัยของมนุษย์แท้จริงแล้วในการกล่าวนินทาผู้อื่นส่วนมากจะพุดแต่เรื่องร้ายๆให้ฝ่ายตรงข้ามเสมอโดยตัวเองก็มีส่วนผิดแต่กลับปกปิดไว้ให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นเห็นใจและและอยู่ฝ่ายตนเอง ถ้ามนุษย์รู้จักขอบกพร่องของตัวเอง รู้จักแก้ไขตนเองหรือยอมแก้ไขข้อผิดพลาด พูดความจริง ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา และการถามหาความจริงไม่ควรใช้อารมณ์รุนแรงเกินไปเพราะจากการที่จะไม่ได้เรื่องแล้วยังไม่ทราบเหตุความเป็นจริงอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อน สิ่งเหล่านั้นก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจและกล้าเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

      1ไม่ควรใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
      2เชื่อในเรื่องที่เป็นความจริง
      3แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองก่อนที่จะสายไป
      4รู้จักการเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งด้านร่างกายจิตใจและอารมณ์ความรู้สึกในทางที่ดี แล้วสิ่งดีๆก็จะตามมา
      5ถ้าเราสำนึกผิดอย่าแท้จริง พระเจ้าจะทรงช่วยให้เรามีกำลังใจและกล้าเปลี่ยนแปลง โดยไม่ทรงประณามความผิดที่เราทำ

      ลบ
    4. จากการที่ไม่ได้ทำมาหลายอาทิตย์ จึงทำรวมยอดมาทั้งหมดเลยนะค่ะ
      นางสาว ชลลดาไชยวัฒน์ รหัส 560393 วิชา THUM 3016 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 3


      1. บทความเรื่อง พร้อมใจกัน All Together Now

      จากบทความที่กล่าวว่าขึ้นรถไฟในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ขาของเขาไปติดอยู่ระหว่างชานชาลากับขบวนรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเขาออกมาไม่ได้ จึงขอให้ผู้โดยสารราว 50 คนยืนเรียงแถว ช่วยกันดันรถไฟเมื่อนับถึงสาม การร่วมมือกันทำให้ดันรถไฟขึ้นพอที่ขาของเขาจะหลุดออกมาได้ คือเป็นการแสดงถึงการร่วมมือร่วมใจกันให้รอดพ้นจากอันตราย
      การประสานงานต้องการความร่วมมือ ร่วมใจในการปฏิบัติงานให้เรียบร้อย และสอดคล้องกลมเกลียวกันในจังหวะเดียวกันเพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การประสานงานมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันอยู่อีกคำหนึ่งคือ ความร่วมมือ ข้อแตกต่างคือความร่วมมือเป็นการช่วยเหลือด้วยความสมัครใจแม้จะไม่มีหน้าที่โดยตรง อาจจะทำเรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกันหรือต่างเวลาก็ได้ แม้กระทั่งอาจให้ความร่วมมือทำบางเรื่องบางเวลา แต่การประสานงานต้องประสานจิตใจ ความสามารถ กำลังงานในเวลาเดียวกันเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำ และต้องการความร่วมมือจนกว่างานจะบรรลุผลสำเร็จ

      ข้อคิดที่ได้
      1 ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา เกิดขึ้นเมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์
      2 ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย มีคุณภาพ ทำให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
      3 ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เกิดความสามัคคี
      4 ผู้นำที่สร้างความร่วมมือร่วมใจโดยไม่ต้องใช้อำนาจสิ่งที่ได้ตามมาก็จะดี
      5 การร่วมมือร่วมใจกันเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน




      2. บทความเรื่อง รักไร้พรมแดน Love Without Borders
      จากบทความที่กล่าวว่า มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงที่เสี่ยงชีวิตไปช่วย
      การเสียสละคือนิยามหนึ่งของคำว่า “รักแท้” ที่หลายคนมักจะหยิบยกมาใช้ แต่จะเสียสละอย่างไร เสียสละแบบไหนจึงจะเรียกได้ว่าเสียสละเพื่อรักแท้ ลองพิจารณาบทความนี้กันดูหากเราเสียสละเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งการครอบครอง สิ่งนั้นไม่เรียกว่าเสียสละ แต่เรียกว่าการลงทุนโดยหวังผลกำไร มีคนมากมายที่เสียสละเพื่อที่จะสร้างภาพให้อีกฝ่ายหลงเข้าใจว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ซึ่งความเสียสละเช่นนั้นก็มักจะหมดไปเมื่อไม่ต้องการครอบครองสิ่งนั้นอีก อาจจะเกิดจากความเบื่อ ความเคยชิน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ไม่มีสิ่งผลักดันให้เสียสละ

      ข้อคิดที่ได้
      1 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
      2 มีเพียงแสงแห่งความรักของพระคริสต์ที่จะขจัดความเกลียดชังอันมืดมนได้
      3 ทำให้เราเห็นความรักที่อยู่เหนือเชื้อชาติหรือวัฒนธรรม การเสียสละของพวกเขาทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด
      4 ผู้ที่เสียสละตัวตนได้อย่างแท้จริง คือผู้ที่มีรักแท้ ยอมไม่หลงเสพหลงสุข เพราะรู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นคือทุกข์อย่างมหันต์ ยอมไม่ครอบครองเพราะรู้ดีว่าจะกลายเป็นทุกข์ของกันและกัน ยอมไม่ผูกมัดใดๆ เพราะรู้ว่าอิสระคือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่า
      5 รักแท้คือการเสียสละ




      ลบ
    5. จากการที่ไม่ได้ทำมาหลายอาทิตย์ จึงทำรวมยอดมาทั้งหมดเลยนะค่ะ
      นางสาว ชลลดา ไชยวัฒน์ 560393 วิชา THUM3016 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 3

      1. บทความเรื่อง พร้อมใจกัน All Together Now

      จากบทความที่กล่าวว่าขึ้นรถไฟในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ขาของเขาไปติดอยู่ระหว่างชานชาลากับขบวนรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเขาออกมาไม่ได้ จึงขอให้ผู้โดยสารราว 50 คนยืนเรียงแถว ช่วยกันดันรถไฟเมื่อนับถึงสาม การร่วมมือกันทำให้ดันรถไฟขึ้นพอที่ขาของเขาจะหลุดออกมาได้ คือเป็นการแสดงถึงการร่วมมือร่วมใจกันให้รอดพ้นจากอันตราย
      การประสานงานต้องการความร่วมมือ ร่วมใจในการปฏิบัติงานให้เรียบร้อย และสอดคล้องกลมเกลียวกันในจังหวะเดียวกันเพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การประสานงานมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันอยู่อีกคำหนึ่งคือ ความร่วมมือ ข้อแตกต่างคือความร่วมมือเป็นการช่วยเหลือด้วยความสมัครใจแม้จะไม่มีหน้าที่โดยตรง อาจจะทำเรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกันหรือต่างเวลาก็ได้ แม้กระทั่งอาจให้ความร่วมมือทำบางเรื่องบางเวลา แต่การประสานงานต้องประสานจิตใจ ความสามารถ กำลังงานในเวลาเดียวกันเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำ และต้องการความร่วมมือจนกว่างานจะบรรลุผลสำเร็จ
      ข้อคิดที่ได้
      1 ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา เกิดขึ้นเมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์
      2 ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย มีคุณภาพ ทำให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
      3 ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เกิดความสามัคคี
      4 ผู้นำที่สร้างความร่วมมือร่วมใจโดยไม่ต้องใช้อำนาจสิ่งที่ได้ตามมาก็จะดี
      5 การร่วมมือร่วมใจกันเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

      ลบ
    6. 2. บทความเรื่อง รักไร้พรมแดน Love Without Borders
      จากบทความที่กล่าวว่า มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงที่เสี่ยงชีวิตไปช่วย
      การเสียสละคือนิยามหนึ่งของคำว่า “รักแท้” ที่หลายคนมักจะหยิบยกมาใช้ แต่จะเสียสละอย่างไร เสียสละแบบไหนจึงจะเรียกได้ว่าเสียสละเพื่อรักแท้ ลองพิจารณาบทความนี้กันดูหากเราเสียสละเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งการครอบครอง สิ่งนั้นไม่เรียกว่าเสียสละ แต่เรียกว่าการลงทุนโดยหวังผลกำไร มีคนมากมายที่เสียสละเพื่อที่จะสร้างภาพให้อีกฝ่ายหลงเข้าใจว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ซึ่งความเสียสละเช่นนั้นก็มักจะหมดไปเมื่อไม่ต้องการครอบครองสิ่งนั้นอีก อาจจะเกิดจากความเบื่อ ความเคยชิน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ไม่มีสิ่งผลักดันให้เสียสละ

      ข้อคิดที่ได้
      1 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
      2 มีเพียงแสงแห่งความรักของพระคริสต์ที่จะขจัดความเกลียดชังอันมืดมนได้
      3 ทำให้เราเห็นความรักที่อยู่เหนือเชื้อชาติหรือวัฒนธรรม การเสียสละของพวกเขาทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด
      4 ผู้ที่เสียสละตัวตนได้อย่างแท้จริง คือผู้ที่มีรักแท้ ยอมไม่หลงเสพหลงสุข เพราะรู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นคือทุกข์อย่างมหันต์ ยอมไม่ครอบครองเพราะรู้ดีว่าจะกลายเป็นทุกข์ของกันและกัน ยอมไม่ผูกมัดใดๆ เพราะรู้ว่าอิสระคือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่า
      5 รักแท้คือการเสียสละ



      3. บทความเรื่อง ชื่อเสียงกับความถ่อม Fame and Humility
      พวกเราหลายคนหมกมุ่นกับชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือการติดตามรายละเอียดชีวิตคนดัง งานหนังสือหรือภาพยนตร์นานาชาติการออกรายการสัมภาษณ์ทางทีวี จำนวนผู้ติดตามในทวิตเตอร์นับล้าน ซึ่งมนุษย์เรานั้น ฝืนธรรมชาติ ไม่ได้ ที่จะต้องตาย ดังนั้น การมีชื่อเสียง การรักษาชื่อเสียง ก็เป็น อีกวิธี หนึ่ง ที่จะทำให้ คน ๆ นั้น ยังเป้นที่ จดจำ ของ คนทั่ว ไป หลังจากที่เขาได้ เสีย ชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าทั้งในด้าน ดี หรือ ด้าน เลว
      ความสุข ของคนเราไม่เหมือนกันครับ อยู่ที่ใครชอบอย่างไรคนบางคนก็มีความสุขกับการ มีชื่อเสียง มีคนยกย่อง ชื่นชมก็แสวงหา เมื่อได้มาก็ทำใจไม่ได้ ที่จะเสียมันไป เลยต้องรักษาไว้แต่บางคน ก็ชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบ เขามีความสุขอยู่ตรงนั้น ต่อให้ใครเอาชื่อเสียง มาให้ เขาก็หลีกเลี่ยง ไม่ยอมรับอะไรที่มีคามสำคัญ เพราะเราให้ความสำคัญกับมัน แต่ไม่ทุกคนที่คิดเหมือนกัน บางคนไม่ให้ความสำคัญกับมัน มันก็ไร้ค่า

      ข้อคิดที่ได้
      1 ยอมแพ้เสียบ้าง ทำลายกำแพงแห่งความถือดีบ้าง จะพบสิ่งดี และได้ดี
      2 เป้าหมายของพระเยซูไม่ใช่ชื่อเสียง พระประสงค์ของพระองค์เรียบง่าย ในฐานะพระบุตร พระองค์ทรงถ่อม เชื่อฟังและยินดีถวายตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเรา
      3 ฝึกให้เรามองคนอื่น และมองโลกในแง่ดี
      4 ทำให้เราเป็นคนที่รู้จักพอ ไม่ทะเยอทะยาน
      5 ไม่ต้องหาชื่อเสียง จงถ่อมตน แล้วคนรอบข้างก็จะรักเรา

      ลบ
    7. 4. บทความเรื่อง การหลอกลวง A Façade
      จากบทความที่กล่าวว่า เคอร์รี่พยายามอย่างมากเพื่อให้คนอื่นชื่นชม เธอทำเป็นมีความสุขตลอดเวลาเพื่อคนอื่นจะเห็นและกล่าวชมความร่าเริงนั้น บางคนชมเชยเพราะเห็นเธอช่วยเหลือคนในชุมชน แต่ในเวลาที่เธอพูดเปิดใจ เคอร์รี่ยอมรับว่า “ฉันรักพระเจ้า แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีชีวิตที่หลอกลวง” ความรู้สึกไม่มั่นคงทำให้เธอพยายามทำตัวให้ดูดีต่อหน้าคนอื่น และเธอกล่าวว่าเธอเริ่มหมดแรงจะทำต่อไปเราอาจรู้สึกคล้ายกันในทางใดทางหนึ่งเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีแรงจูงใจที่สมบูรณ์แบบ เรารักพระเจ้าและรักคนอื่น แต่แรงจูงใจของเราในการดำเนินชีวิตคริสเตียน บางครั้งก็ปนเปกับความต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่าหรือชื่นชม
      เมื่อไม่ชัดเจนในตนเอง จะพบตัวตนจริงแท้ที่เกิดมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนได้อย่างไร ผู้ที่ไม่หลอกตนได้ จึงไม่หลอกคนอื่น หมั่นฝึกการยอมรับ รัก และศรัทธา เมตตา ให้กำลังใจกับตนเอง ฝึกไม่พึ่งพิงผู้อื่น ฝึกเห็นจริง ก่อนการเห็นใจ ทุกสิ่งเกิดได้ทั้งนั้น ในขณะที่เรายังมีชีวิต หลายสิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตามเหตุที่แท้จริงทั้งหมดและทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นเพื่อให้เราเรียนรู้และ ข้ามผ่าน คนจริง ทำจริง จะฝึกวางใจให้ถูกที่ คือ มีสติ คิด และเชื่อมั่นในแง่ดีว่าทุกสิ่ง ทุกเหตุการณ์ที่ต้องพบเจอในชีวิตคือครูทั้งนั้น ที่ควรกตัญญู จะดี หรือร้าย ผู้ที่ไม่หลอกตนเองและเข้าใจโลกอย่างครบถ้วนทุกด้านจะท่องไว้ในใจ

      ข้อคิดที่ได้
      1 เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด สุขกายสบายใจ
      2 ความปรารถนาให้พระเจ้าพอพระทัย ควรเป็นแรงจูงใจสูงสุดที่เราเชื่อฟังพระเจ้า
      3 จงทำสิ่งที่ตั้งใจที่จะทำ จริงใจ โดยไม่หลอกลวงใคร
      4 มนุษย์จึงต้องชนะความหลอกลวงในจิตใจมากพอ กล้าที่จะเข้าไปรับรู้ความไม่สบายใจ ความอ่อนแอด้วยสติ โดยการอนุญาตให้ตนเองได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองในทุกด้าน
      5 ฝึกเป็นผู้สังเกตตนเองและผู้อื่นอย่างละวาง ไม่ตัดสิน ไม่ยึดทุกอย่างมาเป็นตัวเรา เพราะเมื่อเราไม่รู้จักตนเอง เราจึงไม่รู้จักผู้อื่นจริงๆ เช่นกัน



      5. บทความเรื่อง ข้อเสนอดีที่สุด! Best Deal Ever!
      จากบทความที่กล่าวว่า มากเท่าไรจึงจะพอ เราอาจถามคำถามนี้ในวันที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศถือเป็นวันแห่งการจับจ่ายซื้อของ ฉันหมายถึงวันที่เรียกว่าแบล็ค ฟรายเดย์ หรือวันถัดจากวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งร้านค้าต่างเปิดทำการแต่เช้าและขายสินค้าลดราคา เป็นวันที่เริ่มต้นในสหรัฐและขยายไปหลายประเทศ นักจับจ่ายบางคนมีเงินจำกัดและพยายามหาซื้อของตามเงินที่มี แต่น่าเศร้าที่หลายคนจับจ่ายซื้อของด้วยความโลภและใช้ความรุนแรงแย่งกันซื้อสินค้าราคาถูก นั่นคือ เมื่อเกิดความขาดแคลนและมีความต้องการปัจจัยที่จำเป็นขึ้นมา ก็จะต้องดิ้นรนแสวงหาเพิ่ม ครั้นหาได้ไม่พอเท่าที่ต้องการ จึงหันมาแสวงหาในทางที่ได้ง่าย ๆ ซึ่งไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถมากมาย อาศัยเพียงความกล้าและโอกาสอำนวยเท่านั้น นั่นก็คือ การจี้ ปล้น ลักขโมย ทุจริต ฉ้อราชบังหลวง ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นการแสวงหาที่ผิด ไม่ควรส่งเสริม
      นอกจากนั้นแล้วคนไม่รู้จักพอ ยังขาดการควบคุมใจตนเอง จึงก่อเวรให้แก่ตนและคนอื่น ก่อปัญหาต่าง ๆ ขึ้นในสังคม ทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไม่สิ้นสุด เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเหล่านั้นจึงมีชีวิตอยู่อย่างไม่สงบสุขเป็นชีวิตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มีขึ้นมีลง ประสบสุขบ้างทุกข์บ้างตลอดเวลา เพราะเหตุนี้ การดำเนินชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายคือ รู้จักพอ จึงเหมาะกับคนในสังคมปัจจุบันในการแสวงหาปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีพ และสิ่งอำนวยความสุขอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตนั้น จำเป็นต้องใช้กำลังใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาและทำอย่างสุจริต

      ข้อคิดที่ได้
      1 เมื่อเราแสวงหาสันติสุขและความสุขสมบูรณ์จากพระเจ้า พระองค์จะทรงเติมเต็มเราด้วยความดีและความรักของพระองค์
      2 การรักเงินทองคือรากแห่งความชั่วทั้งปวง
      3 ควรรู้จักพอ และพอใจกับสิ่งตอบแทนที่ได้มาอย่างเหมาะสม
      4 ทำให้เราเป็นคนที่รู้จักพอ ไม่ทะเยอทะยาน
      5 เมื่อของดีเพิ่มพูนขึ้น คนกินก็มีคับคั่งขึ้น คนที่เป็นเจ้าของทรัพย์จะได้ประโยชน์อะไร

      ลบ
    8. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    9. จากการที่ไม่ได้ทำมาหลายอาทิตย์ จึงทำรวมยอดมาทั้งหมดเลยนะค่ะ
      นางสาว ชลลดา ไชยวัฒน์ 560393 วิชา THUM3016 การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม 3
      1. บทความเรื่อง พร้อมใจกัน All Together Now

      จากบทความที่กล่าวว่าขึ้นรถไฟในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ขาของเขาไปติดอยู่ระหว่างชานชาลากับขบวนรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเขาออกมาไม่ได้ จึงขอให้ผู้โดยสารราว 50 คนยืนเรียงแถว ช่วยกันดันรถไฟเมื่อนับถึงสาม การร่วมมือกันทำให้ดันรถไฟขึ้นพอที่ขาของเขาจะหลุดออกมาได้ คือเป็นการแสดงถึงการร่วมมือร่วมใจกันให้รอดพ้นจากอันตราย
      การประสานงานต้องการความร่วมมือ ร่วมใจในการปฏิบัติงานให้เรียบร้อย และสอดคล้องกลมเกลียวกันในจังหวะเดียวกันเพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การประสานงานมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันอยู่อีกคำหนึ่งคือ ความร่วมมือ ข้อแตกต่างคือความร่วมมือเป็นการช่วยเหลือด้วยความสมัครใจแม้จะไม่มีหน้าที่โดยตรง อาจจะทำเรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกันหรือต่างเวลาก็ได้ แม้กระทั่งอาจให้ความร่วมมือทำบางเรื่องบางเวลา แต่การประสานงานต้องประสานจิตใจ ความสามารถ กำลังงานในเวลาเดียวกันเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำ และต้องการความร่วมมือจนกว่างานจะบรรลุผลสำเร็จ
      ข้อคิดที่ได้
      1 ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา เกิดขึ้นเมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์
      2 ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย มีคุณภาพ ทำให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
      3 ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เกิดความสามัคคี
      4 ผู้นำที่สร้างความร่วมมือร่วมใจโดยไม่ต้องใช้อำนาจสิ่งที่ได้ตามมาก็จะดี
      5 การร่วมมือร่วมใจกันเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน




      2. บทความเรื่อง รักไร้พรมแดน Love Without Borders
      จากบทความที่กล่าวว่า มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงที่เสี่ยงชีวิตไปช่วย
      การเสียสละคือนิยามหนึ่งของคำว่า “รักแท้” ที่หลายคนมักจะหยิบยกมาใช้ แต่จะเสียสละอย่างไร เสียสละแบบไหนจึงจะเรียกได้ว่าเสียสละเพื่อรักแท้ ลองพิจารณาบทความนี้กันดูหากเราเสียสละเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งการครอบครอง สิ่งนั้นไม่เรียกว่าเสียสละ แต่เรียกว่าการลงทุนโดยหวังผลกำไร มีคนมากมายที่เสียสละเพื่อที่จะสร้างภาพให้อีกฝ่ายหลงเข้าใจว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ซึ่งความเสียสละเช่นนั้นก็มักจะหมดไปเมื่อไม่ต้องการครอบครองสิ่งนั้นอีก อาจจะเกิดจากความเบื่อ ความเคยชิน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ไม่มีสิ่งผลักดันให้เสียสละ
      ข้อคิดที่ได้
      1 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
      2 มีเพียงแสงแห่งความรักของพระคริสต์ที่จะขจัดความเกลียดชังอันมืดมนได้
      3 ทำให้เราเห็นความรักที่อยู่เหนือเชื้อชาติหรือวัฒนธรรม การเสียสละของพวกเขาทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด
      4 ผู้ที่เสียสละตัวตนได้อย่างแท้จริง คือผู้ที่มีรักแท้ ยอมไม่หลงเสพหลงสุข เพราะรู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นคือทุกข์อย่างมหันต์ ยอมไม่ครอบครองเพราะรู้ดีว่าจะกลายเป็นทุกข์ของกันและกัน ยอมไม่ผูกมัดใดๆ เพราะรู้ว่าอิสระคือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่า
      5 รักแท้คือการเสียสละ



      ลบ
    10. บทความเรื่อง ข้อเสนอดีที่สุด! Best Deal Ever!
      560393
      จากบทความที่กล่าวว่า มากเท่าไรจึงจะพอ เราอาจถามคำถามนี้ในวันที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศถือเป็นวันแห่งการจับจ่ายซื้อของ ฉันหมายถึงวันที่เรียกว่าแบล็ค ฟรายเดย์ หรือวันถัดจากวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งร้านค้าต่างเปิดทำการแต่เช้าและขายสินค้าลดราคา เป็นวันที่เริ่มต้นในสหรัฐและขยายไปหลายประเทศ นักจับจ่ายบางคนมีเงินจำกัดและพยายามหาซื้อของตามเงินที่มี แต่น่าเศร้าที่หลายคนจับจ่ายซื้อของด้วยความโลภและใช้ความรุนแรงแย่งกันซื้อสินค้าราคาถูก นั่นคือ เมื่อเกิดความขาดแคลนและมีความต้องการปัจจัยที่จำเป็นขึ้นมา ก็จะต้องดิ้นรนแสวงหาเพิ่ม ครั้นหาได้ไม่พอเท่าที่ต้องการ จึงหันมาแสวงหาในทางที่ได้ง่าย ๆ ซึ่งไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถมากมาย อาศัยเพียงความกล้าและโอกาสอำนวยเท่านั้น นั่นก็คือ การจี้ ปล้น ลักขโมย ทุจริต ฉ้อราชบังหลวง ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นการแสวงหาที่ผิด ไม่ควรส่งเสริม
      นอกจากนั้นแล้วคนไม่รู้จักพอ ยังขาดการควบคุมใจตนเอง จึงก่อเวรให้แก่ตนและคนอื่น ก่อปัญหาต่าง ๆ ขึ้นในสังคม ทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไม่สิ้นสุด เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเหล่านั้นจึงมีชีวิตอยู่อย่างไม่สงบสุขเป็นชีวิตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มีขึ้นมีลง ประสบสุขบ้างทุกข์บ้างตลอดเวลา เพราะเหตุนี้ การดำเนินชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายคือ รู้จักพอ จึงเหมาะกับคนในสังคมปัจจุบันในการแสวงหาปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีพ และสิ่งอำนวยความสุขอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตนั้น จำเป็นต้องใช้กำลังใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาและทำอย่างสุจริต
      ข้อคิดที่ได้
      1 เมื่อเราแสวงหาสันติสุขและความสุขสมบูรณ์จากพระเจ้า พระองค์จะทรงเติมเต็มเราด้วยความดีและความรักของพระองค์
      2 การรักเงินทองคือรากแห่งความชั่วทั้งปวง
      3 ควรรู้จักพอ และพอใจกับสิ่งตอบแทนที่ได้มาอย่างเหมาะสม
      4 ทำให้เราเป็นคนที่รู้จักพอ ไม่ทะเยอทะยาน
      5 เมื่อของดีเพิ่มพูนขึ้น คนกินก็มีคับคั่งขึ้น คนที่เป็นเจ้าของทรัพย์จะได้ประโยชน์อะไร

      ลบ
  2. วันที่ 9/10/59 บทความเรื่อง อยากเปลี่ยน DESIRE TO CHANGE
    เคยไหมที่เราไม่เห็นด้วยกับคนอื่นและคิดไปกับคำกล่าวหาว่าเขา เป็นฝ่ายผิดโดยที่ยังไม่ทราบข้อมูลที่เป็นความจริงของอีกฝ่าย ซึ่งนิสัยของมนุษย์แท้จริงแล้วในการกล่าวนินทาผู้อื่นส่วนมากจะพุดแต่เรื่องร้ายๆให้ฝ่ายตรงข้ามเสมอโดยตัวเองก็มีส่วนผิดแต่กลับปกปิดไว้ให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นเห็นใจและและอยู่ฝ่ายตนเอง ถ้ามนุษย์รู้จักขอบกพร่องของตัวเอง รู้จักแก้ไขตนเองหรือยอมแก้ไขข้อผิดพลาด พูดความจริง ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา และการถามหาความจริงไม่ควรใช้อารมณ์รุนแรงเกินไปเพราะจากการที่จะไม่ได้เรื่องแล้วยังไม่ทราบเหตุความเป็นจริงอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อน สิ่งเหล่านั้นก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจและกล้าเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

    ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

    1ไม่ควรใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
    2เชื่อในเรื่องที่เป็นความจริง
    3แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองก่อนที่จะสายไป
    4รู้จักการเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งด้านร่างกายจิตใจและอารมณ์ความรู้สึกในทางที่ดี แล้วสิ่งดีๆก็จะตามมา
    5ถ้าเราสำนึกผิดอย่าแท้จริง พระเจ้าจะทรงช่วยให้เรามีกำลังใจและกล้าเปลี่ยนแปลง โดยไม่ทรงประณามความผิดที่เราทำ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. 560393 บทความเรื่อง จงตั้งใจ Pay Close Attention

      การฟังเป็นทักษะพื้นฐานที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ทักษะอื่น ๆ ต่อไป การฟังจึงมีความสำคัญ และมีความจำเป็นมากในยุคโลกาภิวัฒน์ เพราะข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ จะแพร่ขยายจากสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรวดเร็วทั่วถึงกัน การแก้ไขข้อบกพร่องในการฟังก็แก้ไขข้อบกพร่องทางด้านใดก็แก้ไขตรงจุดนั้น การฟังเป็นทักษะที่ฝึกฝนให้เกิดความคล่องตัวได้ เพราะการฟังเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดปัญญา ถ้าผู้ฟังรู้จักเลือกฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ถ้าบุคคลใดที่มีทักษะการฟังดี ทักษะอื่น ๆ ก็จะดีตามไปด้วย ดังนั้น การฝึกทักษะการฟังจึงควรฝึกเรียงไปตามลำดับขั้นจากง่ายไปสู่ยากเมื่อรับฟังเรื่องใดแล้วต้องรู้จักใช้วิจารณญาณว่า เรื่องที่ฟังนั้นน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน มีเหตุมีผลที่จะสามารถอธิบายให้สังคมได้รับทราบอย่างชัดเจน ก็จะทำให้การฟังนั้นน่าสนใจยิ่งขึ้น
      เคยสังเกตไหมค่ะว่าอากัปกิริยาของผู้ร่วมสนทนาของเราเป็นอย่างไรขณะที่ฟังเรากำลังพูด หรือแม้กระทั่งตัวเราเองว่าตั้งใจฟังคนอื่นพูดมากน้อยแค่ไหน การฟังเป็นทักษะที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ หากเรามีทักษะในการฟังที่ไม่ดีนัก ก็อาจจะเกิดผลเสียตามมา ว่าการตั้งใจฟังมีประโยชน์อย่างไรและถ้าไม่ตั้งใจฟังจะมีผลเสียอย่างไร การฟังนั้นสำคัญไฉนถ้าวันนี้เรามัวแต่พูดอยู่คนเดียวโดยไม่ฟังผู้อื่นเลย เราอาจจะเสียโอกาสหลายๆอย่างไปอย่างน่าเสียดาย เช่น ไม่ได้ความรู้อย่างเต็มที่ อยู่ในโลกแคบ ขาดทักษะในการวิเคราะห์ สังเคราะห์สิ่งที่ได้ฟัง และที่สำคัญขาดทักษะการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น วันนี้หากเราหัดที่จะฟังผู้อื่นให้มากๆแล้วพูดน้อยลง


      ข้อคิดที่ได้
      1 การฟังควรฟังอย่าตั้งใจ เพราะอาจจะพลาดประเด็นที่สำคัญได้
      2 เป็นไปได้ที่คนเราจะได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง มองแต่ไม่ได้เห็น อยู่แต่เหมือนไม่ได้อยู่ ในสถานการณ์ เช่นนี้ เราอาจพลาดข้อความสำคัญบางอย่างที่ส่งมาถึงเรา
      3 ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
      4 เมื่อเรามีความตั้งใจฟังในสิ่งที่ดีงาม แล้วนำมาใช้อย่างถูกต้อง จักก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังและผู้พบเห็น ถือเป็นวัฒนธรรมอันล้ำค่า แสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้ หรือ รอบรู้ การได้รับความรู้แล้วสามารถน้ำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ จัดได้ว่า เป็นผู้มีปัญญา
      5 ฟังอย่างตั้งใจ แล้วความรู้ใหม่ก็จะได้มาจากการฟัง

      ลบ
  3. วันที่ 29/10/59 บทความเรื่อง ให้ด้วยใจ GIVING FROM THE HEART
    การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าผู้เชื่อทุกคนคงคุ้นเคยกับพระวจนะข้อนี้ และคงได้รับพระพรผ่านทั้งการให้และการรับมาแล้ว สำหรับส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าเป็นการยากที่จะวัดว่าพระพรจากการให้มากหรือน้อยกว่าการรับ ข้าพเจ้าคิดว่ามันขึ้นอยู่กับโอกาสและสถานการณ์ของแต่ละบุคคลมากกว่า และถ้าจะพูดถึงโอกาสแห่งการให้ก็คงมีมากมาย และคิดว่าไม่น่าจะจำกัดเฉพาะโอกาสพิเศษหรือวันเทศกาลเท่านั้น เหมือนการบอกรัก เราสามารถทำได้ตลอดเวลา บางครั้งมูลค่าของสิ่งของที่ให้อาจไม่สำคัญเท่าน้ำใจเพราะมันตีเป็นราคาค่างวดไม่ได้ สิ่งของไม่มีมูลค่าเมื่อให้ด้วยใจก็กลายเป็นสิ่งของล้ำค่าในสายตาของผู้รับได้ น่าเสียดายที่ในยุคนี้น้ำใจหาได้ค่อนข้างยากเสียแล้ว และน่าเสียดายยิ่งกว่าเมื่อผู้รับไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่ผู้ให้มอบให้
    มีเรื่องเล่าว่าทหารอเมริกันคนหนึ่งขณะที่ขับรถกลับไปยังค่ายพักช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองในกรุงลอนดอนก็มองเห็นเด็กชายกำพร้าคนหนึ่งเอาจมูกแนบกับหน้าต่างกระจกของร้านขายขนมแห่งหนึ่งเพื่อมองเข้าไปในร้าน เด็กชายคนนั้นมองดูทุกอิริยาบถของคนทำขนมในร้านอย่างเงียบๆ ทหารคนนั้นสงสารเด็กชายคนนั้นจับใจ เขาจึงหยุดรถและซื้อขนมโดนัทให้เด็กชายคนนั้นสิบสองชิ้น เมื่อเขายื่นถุงขนมให้ เด็กชายคนนั้นก็จ้องมองด้วยความตะลึงงัน เมื่อทหารคนนั้นหันหลังเดินกลับไปที่รถก็รู้สึกว่ามีคนดึงเสื้อโค้ทของเขา เขาจึงหันไปมองและเห็นเด็กชายคนนั้น เขาถามขึ้นเบาๆ ว่า "คุณคือพระเจ้าหรือครับ" สิ่งที่ทหารคนนั้นทำไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ทว่ามันยิ่งใหญ่สำหรับเด็กชายคนหนึ่ง จนเขาถามว่า "คุณคือพระเจ้าหรือครับ"
    ท่านเคยมีประสบการณ์กับการให้เล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้รับบ้างไหม ข้าพเจ้าเคยหลายครั้ง และทุกครั้งก็มีความรู้สึกผิดปนอยู่กับความรู้สึกแปลกใจด้วย ที่แปลกใจเพราะไม่คิดว่าการให้เล็กๆ ของข้าพเจ้าจะยิ่งใหญ่สำหรับผู้รับ ที่รู้สึกผิดเพราะบอกกับตัวเองว่าสมควรที่จะได้รับความชื่นชมขนาดนั้นจริงล่ะหรือ แต่การให้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสิ่งของที่จับต้องได้เสมอไป ท่านอาจให้เวลา ความคิด แรงกาย แรงใจ และที่สำคัญที่สุด แรงอธิษฐาน
    ข้าพเจ้าคิดว่าการทูลขอเผื่อผู้อื่นนั้นเป็นการให้รูปแบบหนึ่งที่ผู้เชื่อทุกคนควรทำทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่ทั้งเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนร่วมโลกกำลังประสบกับการสูญเสียจากภัยธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ แม้ว่าเราจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือที่จับต้องได้และไม่อาจใช้แรงกายออกไปช่วยเหลือ แต่เราสามารถทำได้ด้วยการอธิษฐานเผื่อคนเหล่านั้น


    ข้อคิดที่ได้
    1.คนเรามีไม่ท่ากัน ย่อมทำให้ความสามารถในการให้ไม่เท่ากัน แต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครให้มาก ใครให้น้อย มันสำคัญตรง ให้ด้วยใจ เท่านั้นพอ
    2.การให้ด้วยแรงกระตุ้น ไม่เพียงทำให้เรามีความสุขแต่ยังทำให้เราเป็นที่รักของพระเจ้า เพราะพระองค์ “ทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี.”
    3.การช่วยเหลือนั้นทำได้หลายทาง ถ้าหากไม่พร้อมเรื่องทรัพย์สิน ก็ยังสามารถส่งกำลังใจ หรือ สวดมนต์ภาวนา
    เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นได้รับรู้ว่า "ยังมีคนที่รักและห่วงใยเขาอยู่และพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง"
    4.การให้ที่ให้ด้วยใจ ให้แล้วเกิดความสุข และ เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน
    5.พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Ok อ่านแล้วนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

      ลบ
  4. วันที่ 29/10/59 บทความเรื่อง ความยินดีจากการเชื่อฟัง THE JOY OF OBEDIENCE

    การเชื่อฟัง เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือ การอยู่ใต้การบังคับบัญชาของคนหนึ่งที่อยู่เหนือตนเอง และไม่เป็นนายเหนือชีวิตของตัวเอง เพราะการอยู่ใต้บังคับปลอดภัยกว่าการบังคับบัญชาผู้อื่น มีคนเป็นอันมากที่อยู่ในฐานะเชื่อฟังผู้อื่นเพราะความจำเป็น มากกว่าทำเพราะรักการเชื่อฟังนั้น คนเช่นนั้นย่อมเกิดความไม่พอใจและท้อใจด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาจะไม่มีวันได้รับสันติสุขในใจ เว้นเสียแต่พวกเขาจะยอมจำนนอย่างสิ้นสุดใจเพราะความรักที่เขามีต่อพระเจ้าไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม คุณจะไม่พบความสงบใจ เว้นแต่คุณจะเชื่อฟังผู้ที่มีอำนาจปกครองด้วยความถ่อมใจ หลายคนเคยฝันหวานว่าถ้าเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นอยู่หรือไปยังสถานที่ใหม่ ๆ เขาจะได้พบความสุขจริงอยู่ที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาจะทำตามใจชอบ และรู้สึกประทับใจคนที่เห็นด้วยกับเขา แต่ถ้าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางเรา บางครั้งเราก็ต้องยอมละวางความคิดเห็นของเราเองเพื่อจะได้รับพระพรในการมีสันติสุขร่วมกัน อีกประการหนึ่ง ใครเล่าจะมีสติปัญญาถึงขนาดที่จะมีความรู้ครบถ้วนถึงสารพัดทุกสิ่งทุกอย่างได้ อย่าวางใจในความคิดเห็นของคุณเองมากเกินไป แต่จงยอมฟังความคิดเห็นของผู้อื่นบ้าง ถ้าแม้ว่าความคิดเห็นของตัวคุณเองดี แต่คุณยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเพราะความรักที่มีต่อพระเจ้า คุณก็จะได้รับสิ่งที่ดีมากกว่า ผมเคยได้ยินบ่อย ๆ ว่าการรับฟังคำเสนอแนะของผู้อื่นแล้วปฏิบัติตามนั้น เป็นสิ่งที่ปลอดภัยกว่าการเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำนั้น และอาจเป็นไปได้ด้วยที่แม้ว่าความคิดเห็นของตนเองอาจดีก็จริง แต่การที่เราไม่ยอมเห็นพ้องกับผู้อื่น เมื่อเหตุผลและโอกาสสมควรให้ทำตาม นั่นก็แสดงถึงการถือตัวและความดื้อรั้น นอกจากนั้น การเชื่อฟังเป็นการแสดงออกในทางปฏิบัติในการยอมรับสิทธิอำนาจและน้ำพระทัยของพระเจ้า เป็นการยอมจำนนต่อพระองค์ และแสดงการยอมจำนนนั้น ด้วยการกระทำ คำพูดหรือความคิด การเชื่อฟังเป็นการเห็นด้วยกับพระเจ้า และการเห็นด้วยกับพระเจ้าเป็นแหล่งของการมีสิทธิอำนาจในพระคริสต์


    ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
    1.เส้นทางชีวิตแห่งการเชื่อฟังพระเจ้านั้น บางครั้งมีความลำบากและเดือดร้อน แต่ ก็นำความชื่นชมยินดีมีสุขมาให้
    2.เชื่อในเรื่องที่ดี แล้วชีวิตจะดี
    3.ควรเชื่อฟังคำติเตือนของคนอื่นบ้าง เผื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
    4.คนที่ไม่เชื่อหรือเวลาใดที่เราไม่เชื่อฟังพระเจ้า ชีวิตจะมีแต่ลงอย่างเดียว
    5.การเชื่อเรื่องที่ถูกต้องจะทำให้เราสามารถผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้ เมื่อเจอปัญหาเราอย่าตกใจ แต่ให้มีความเชื่อ เราอย่าท้อถอย แต่จงวางใจในพระเจ้าพระองค์จะช่วยให้เราผ่านไปได้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Ok อ่านแล้วนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

      ลบ
  5. มอบหมายงานนักศึกษา 580092 อ่านบทความแล้วสรุปข้อคิดทุกสัปดาห์พร้อมเขียนข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. วันที่ 31/10/59 เรื่อง ขอเพียงให้รู้เรื่องจริงๆ IF ONLY THEY KNEW
      สิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์บางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป บางครั้ง เราอาจคิดถูก บางครั้งเราอาจคิดผิด มันคือความไม่แน่นอนกี่ครั้งแล้วที่เราด่วนสรุปเรื่องแบบผิดๆ เพราะไม่ได้รับข้อเท็จจริงทั้งหมด
      บ่อยแค่ไหนที่เราคิดถึงเรื่องของคนอื่น แบบให้ร้ายป้ายสีแทนที่เราจะกล่าวร้ายผู้อื่น
      เราน่าจะชื่นชมความดีของพระเจ้าและเริ่มเรียนวิธีแบ่งปันพระคุณของพระองค์แก่ผู้อื่น
      ในยามที่พวกเขาต้องการ


      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1.อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ถ้ายังไม่รู้จริง
      2.อย่าตัดสินอะไรง่ายๆโดยไร้เหตุผล
      3.อย่ากล่าว หรือใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นในทางที่ผิด
      4.จงมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆและมีความกรุณาเกื้อกูลกัน
      5.เราควรมองโลกในแง่ดี

      ลบ
    2. ok อ่านแล้วนะครับ รัชดาพร God bless You

      ลบ
  6. มอบหมายงานนักศึกษา 580138 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. วันที่ 18/11/59 บทความเรื่อง การหลอกลวง
      “ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน”
      เคอร์รี่พยายามอย่างมากเพื่อให้คนอื่นชื่นชม เธอทำเป็นมีความสุขตลอดเวลาเพื่อคนอื่นจะเห็นและกล่าวชมความร่าเริงนั้น บางคนชมเชยเพราะเห็นเธอช่วยเหลือคนในชุมชน แต่ในเวลาที่เธอพูดเปิดใจ เคอร์รี่ยอมรับว่า “ฉันรักพระเจ้า แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีชีวิตที่หลอกลวง” ความรู้สึกไม่มั่นคงทำให้เธอพยายามทำตัวให้ดูดีต่อหน้าคนอื่น และเธอกล่าวว่าเธอเริ่มหมดแรงจะทำต่อไป
      เราอาจรู้สึกคล้ายกันในทางใดทางหนึ่งเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีแรงจูงใจที่สมบูรณ์แบบ เรารักพระเจ้าและรักคนอื่น แต่แรงจูงใจของเราในการดำเนินชีวิตคริสเตียน บางครั้งก็ปนเปกับความต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่าหรือชื่นชม
      พระเยซูตรัสถึงคนเหล่านั้นที่ถวาย อธิษฐานและอดอาหารเพื่อให้คนอื่นเห็น
      พระองค์ทรงสอนในคำเทศนาบนภูเขาว่า “ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ” “จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ” และ “เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมอง”
      การรับใช้มักต้องทำในที่แจ้ง แต่บางทีการรับใช้โดยไม่ออกนามอาจช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะพอใจกับทัศนคติที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระองค์ผู้ทรงสร้างเราตามพระฉายาของพระองค์ทรงให้คุณค่าเรามาก จนประทานพระบุตรและสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทุกวัน
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอภัยที่เราต้องการคำยกย่องจากคนอื่นมากกว่าจากพระองค์ ขอทรงช่วยเมื่อเราต้องต่อสู้ เพื่อจะรักษาแรงจูงใจอันบริสุทธิ์ไว้
      ความปรารถนาให้พระเจ้าพอพระทัยควรเป็นแรงจูงใจสูงสุดที่เราเชื่อฟังพระเจ้า

      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1.การทำดีเราไม่จำเป็นต้องให้ใครมายกย่องเรา เราควรทำด้วยใจที่บริสุทธิ
      2.การทำอะไรไม่ให้ใครเห็น อาจจะมีความสุขมากกว่า
      3.ความสุขที่แท้จริง ควรทำมาจากใจ ไม่ใช่คำชื่นชม
      4.การทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน จะทำให้เรารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง
      5.การให้คนอื่นเห็นคุณค่าหรือชื่นชม อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดของเราก็ได้

      ลบ
    2. อ่านเรียบร้อยแล้วนะครับ 19.11.2559 ใช้ได้ครับ

      ลบ
  7. มอบหมายงานนักศึกษา 580038 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ2 ธันวาคม 2559 เวลา 23:18

      บทความที่ 1
      ความสว่างแท้ซึ่งให้ความสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำลังเข้ามาในโลก - ยอห์น 1:9 (อมตธรรม)
      นักบินอวกาศชาร์ลส์ แฟรงค์ โบลเดน จูเนียร์กล่าวว่า “ครั้งแรกที่ผมออกไปในอวกาศ มุมมองที่ผมมีต่อโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง” เหนือพื้นโลกขึ้นไป 640 กม.ทุกสิ่งอย่างดูสงบเงียบและสวยงามสำหรับเขา แต่ต่อมาโบลเดนนึกได้ว่า ตอนที่ผ่านตะวันออกกลาง เขารู้สึก “พรั่นพรึงกับความจริง” เมื่อนึกถึงความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นที่นั่น ระหว่างให้สัมภาษณ์เจเร็ด เลโต ผู้กำกับภาพยนตร์ โบลเดนบอกว่าเวลานั้นเขามองเห็นโลกตามที่ควรจะเป็นและรู้สึกถึงความท้าทายที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้โลกนี้ดีขึ้น
      เมื่อพระเยซูประสูติในเบธเลเฮม โลกไม่ได้เป็นอย่างที่พระเจ้าทรงต้องการให้เป็น พระเยซูเสด็จมาในโลกที่มีความมืดมนฝ่ายศีลธรรมและจิตวิญญาณเพื่อนำชีวิตและความสว่างมาถึงทุกคน (ยน.1:4) แม้โลกจะไม่รู้จักพระองค์ “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า” (ยน.1:12)
      เราเสียใจสุดซึ้งเมื่อชีวิตไม่เป็นอย่างที่หวัง เมื่อครอบครัวแตกแยก เด็กๆ หิวโหยและมีสงครามเกิดขึ้นในโลก แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าทุกคนสามารถมุ่งไปในทิศทางใหม่ได้เมื่อเชื่อวางใจในพระคริสต์
      เทศกาลคริสต์มาสย้ำเตือนเราว่า พระเยซูองค์พระผู้ช่วยให้รอดประทานชีวิตและความสว่างแก่ทุกคนที่พร้อมจะรับและติดตามพระองค์
      ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ขอให้เราแบ่งปันชีวิตและความสว่างของพระเยซูกับผู้อื่นวันนี้เราไม่ได้เป็นอย่างที่เราน่าจะเป็น แต่พระเจ้าทรงกำลังปั้นแต่งเราให้เป็นอย่างที่พระองค์ต้องการ
      ข้อคิด
      1 การมองในมุมมองที่ไม่เหมือนกัน
      2โลกไม่ได้เป็นอย่างที่เราน่าจะเป็น แต่เราให้เป็นอย่างที่พระองค์ต้องการได้
      3ไม่มีใครไม่เคยเสียใจ แต่เราสามารถเปลี่ยนจากความเสียใจเป็นกำลังได้นิ
      4มองคนละมุมมองที่ต่าง ก็ไม่แปลกที่จะต่างความคิด
      5เราสร้างความสุขนั้นได้ด้วยเราเอง

      บทความที่ 2
      “ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน” - มัทธิว 6:4
      เคอร์รี่พยายามอย่างมากเพื่อให้คนอื่นชื่นชม เธอทำเป็นมีความสุขตลอดเวลาเพื่อคนอื่นจะเห็นและกล่าวชมความร่าเริงนั้น บางคนชมเชยเพราะเห็นเธอช่วยเหลือคนในชุมชน แต่ในเวลาที่เธอพูดเปิดใจ เคอร์รี่ยอมรับว่า “ฉันรักพระเจ้า แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีชีวิตที่หลอกลวง” ความรู้สึกไม่มั่นคงทำให้เธอพยายามทำตัวให้ดูดีต่อหน้าคนอื่น และเธอกล่าวว่าเธอเริ่มหมดแรงจะทำต่อไป
      เราอาจรู้สึกคล้ายกันในทางใดทางหนึ่งเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีแรงจูงใจที่สมบูรณ์แบบ เรารักพระเจ้าและรักคนอื่น แต่แรงจูงใจของเราในการดำเนินชีวิตคริสเตียน บางครั้งก็ปนเปกับความต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่าหรือชื่นชม
      พระเยซูตรัสถึงคนเหล่านั้นที่ถวาย อธิษฐานและอดอาหารเพื่อให้คนอื่นเห็น (มธ.6:1-6) พระองค์ทรงสอนในคำเทศนาบนภูเขาว่า “ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ” “จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ” และ “เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมอง” (ข้อ 4,6,16)
      การรับใช้มักต้องทำในที่แจ้ง แต่บางทีการรับใช้โดยไม่ออกนามอาจช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะพอใจกับทัศนคติที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระองค์ผู้ทรงสร้างเราตามพระฉายาของพระองค์ทรงให้คุณค่าเรามาก จนประทานพระบุตรและสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทุกวัน
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอภัยที่เราต้องการคำยกย่องจากคนอื่นมากกว่าจากพระองค์ ขอทรงช่วยเมื่อเราต้องต่อสู้ เพื่อจะรักษาแรงจูงใจอันบริสุทธิ์ไว้
      ความปรารถนาให้พระเจ้าพอพระทัยควรเป็นแรงจูงใจสูงสุดที่เราเชื่อฟังพระเจ้า
      ข้อคิด
      1.การหลอกตัวเองไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
      2.คนเราไม่มีเเรงจูงใจที่สมบรูณ์แบบ
      3.การทำความดีไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้
      4.คนเราไม่สามารถทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองได้ตลอด
      5.การชื่นชมสามารถทำให้ผู้อื่นมีกำลังใจได้

      ลบ
    2. อ่านแล้วครับ O K ^^ .God Bless U :-)

      ลบ
  8. มอบหมายงานนักศึกษา 580039 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. หัวข้อเรื่อง ยามดียามร้าย
      ข้อคิดที่ได้
      1.ความลำบากสอนให้เรามีศรัทธาเพื่อที่จะก้าวข้ามความลำบากนั้นไปได้
      2.ความลำบากเป็นครูสอนให้เรามีบทเรียนที่จะนำไปใช้ชีวิตต่อไปได้
      3.ยามลำบากอย่าคิดเพียงโทษคนรอบข้าง ควรหัดมามองตัวเองและแก้ไขมันให้ถูกต้อง
      4.การที่เราก้าวข้ามอุปสรรค์นั้นได้แล้วครั้งแรก พอมีอุปสรรค์ครั้งต่อไปเราย่อมจะมีภูมิและมีทางออกที่ดีเสมอ
      5.ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่ความโชคร้ายเสมอไป
      ................................................................................................................................................................
      หัวข้อเรื่อง การหลอกลวง
      ข้อคิดที่ได้
      1.การช่วยเหลือคนอื่นที่มาจากใจจริงๆถึงจะมีความสุข
      2.ความสุขที่แท้จริงมาจากก้นบึ้งหัวใจใช่คำชมสรรเสริญไม่
      3.การที่เราทำในสิ่งที่รักและถูกต้อง เราจะไม่มีวันหมดเรี่ยวแรงและพลังในการกระทำ เพราะถ้าเรามีความสุข ความสูขนั้นจะเติมพลังให้เอง
      4.ทำในสิ่งที่รักและศรัทธา
      5.อย่าหลอกตัวเอง

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ5 ธันวาคม 2559 เวลา 13:18

      หัวข้อเรื่อง ยามดียามร้าย
      ข้อคิดท่ได้
      1.ความลำบากสอนให้เรามีศรัทธาเพื่อที่จะก้าวข้ามความลำบากนั้นไปได้
      2.ความลำบากเป็นครูสอนให้เรามีบทเรียนที่จะนำไปใช้ชีวิตต่อไปได้
      3.ยามลำบากอย่าคิดเพียงโทษคนรอบข้าง ควรหัดมามองตัวเองและแก้ไขมันให้ถูกต้อง
      4.การที่เราก้าวข้ามอุปสรรค์นั้นได้แล้วครั้งแรก พอมีอุปสรรค์ครั้งต่อไปเราย่อมจะมีภูมิและมีทางออกที่ดีเสมอ
      5.ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่ความโชคร้ายเสมอไป
      ................................................................................................................................................................
      หัวข้อเรื่อง การหลอกลวง
      ข้อคิดที่ได้
      1.การช่วยเหลือคนอื่นที่มาจากใจจริงๆถึงจะมีความสุข
      2.ความสุขที่แท้จริงมาจากก้นบึ้งหัวใจใช่คำชมสรรเสริญไม่
      3.การที่เราทำในสิ่งที่รักและถูกต้อง เราจะไม่มีวันหมดเรี่ยวแรงและพลังในการกระทำ เพราะถ้าเรามีความสุข ความสูขนั้นจะเติมพลังให้เอง
      4.ทำในสิ่งที่รักและศรัทธา
      5.อย่าหลอกตัวเอง

      ลบ
    3. 580039 อ่านแล้วครับ O K ^^ .God Bless U :-)

      ลบ
  9. มอบหมายงานนักศึกษา 580423 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ1 ธันวาคม 2559 เวลา 01:08

      ภูเขาที่ยาก A Difficult Hill
      “พระองค์ท่านจะทรงดื่มจากลำธารข้างทาง ฉะนั้นพระองค์ท่านจะทรงผงกพระเศียรขึ้น” - สดุดี 110:7
      ยอดเขาจักแฮนเดิล บนเทือกเขาทางตอนเหนือของบ้านเราในรัฐไอดาโฮมีทะเลสาบน้ำแข็งอยู่ทางเดินไปยังทะเลสาบพาดตามสันเขาที่สูงชันและเปิดโล่งผ่านหินใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ เป็นทางเดินที่ต้องอาศัยความทรหดอย่างมาก
      ตรงจุดที่ต้องปีนขึ้นไป มีลำธารอยู่ ซึ่งเป็นตาน้ำออกมาจากดินนุ่มที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ ไหลผ่านทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม ที่นี่เงียบสงบน่าดื่มด่ำก่อนจะต้องปีนป่ายอย่างทรหดเบื้องหน้า
      ในนิทานเปรียบเทียบชีวิตคริสเตียนของ จอห์น บันยัน เรื่องปริศนาธรรม ตัวละครชื่อคริสเตียนมาถึงเชิงเขาสูงชื่อ เนินเขายากลำบาก “ที่ข้างล่างนั้นมีน้ำพุ… คริสเตียนไปดื่มน้ำที่น้ำพุเพื่อความสดชื่น แล้วก็เริ่มต้นเดินขึ้นเขา”
      ภูเขายากลำบากที่คุณเผชิญอยู่อาจเป็น ลูกที่ดื้อรั้น หรือโรคร้ายแรง ปัญหานั้นดูเหมือนหนักเกินทน
      ก่อนเริ่มงานสำคัญชิ้นต่อไป คุณจงไปที่น้ำพุแห่งการฟื้นใจคือพระเจ้า จงมาหาพระองค์ในความอ่อนแอ เหนื่อยอ่อน สิ้นหวัง กลัว และสงสัย แล้วดื่มจากฤทธิ์อำนาจ กำลัง และพระปัญญาของพระองค์ พระเจ้าทรงทราบทุกเรื่องราวของคุณ และจะทรงปลอบโยนและฟื้นกำลังฝ่ายวิญญาณ จะทรงช่วยให้คุณฟื้นชื่นขึ้นและให้คุณมีกำลังไปต่อ
      “พระบิดาเจ้า ในเวลานี้ข้าพระองค์ทูลขอพระกำลังหนุนความอ่อนแอทูลขอพลังเสริมความเหน็ดเหนื่อย และความเชื่อขจัดความสงสัย”
      พระองค์ผู้ครอบครองเหนือสิ่งสารพัด...ช่วยให้คริสเตียน...เดินต่อไปได้ - จอห์น บันยัน ปริศนาธรรม....

      ข้อคิดที่ได้
      1 การเพิ่มกำลังใจที่ดี ช่วยให้ผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้
      2 ไม่ว่าปัญหาข้างหน้าจะเป็นเช่นใด จงผ่านไปให้ได้
      3 ก่อนที่จะที่งานที่สำคัญควรทำจิตใจมีพลังที่จะก้าวผ่าน
      4 เมื่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าการปลอบโยนเป็นการฟื้นฟูที่ช่วยให้ก้าวผ่านไปได้
      5 เมื่อท้อแท้สิ้นหวัง ยังมีบางสิ่งที่ทำให้เราฮึดเหิ้มและสู้ต่อไปได้

      การหลอกลวง A Façade
      “ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน” - มัทธิว 6:4
      เคอร์รี่พยายามอย่างมากเพื่อให้คนอื่นชื่นชม เธอทำเป็นมีความสุขตลอดเวลาเพื่อคนอื่นจะเห็นและกล่าวชมความร่าเริงนั้น บางคนชมเชยเพราะเห็นเธอช่วยเหลือคนในชุมชน แต่ในเวลาที่เธอพูดเปิดใจ เคอร์รี่ยอมรับว่า “ฉันรักพระเจ้า แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีชีวิตที่หลอกลวง” ความรู้สึกไม่มั่นคงทำให้เธอพยายามทำตัวให้ดูดีต่อหน้าคนอื่น และเธอกล่าวว่าเธอเริ่มหมดแรงจะทำต่อไป
      เราอาจรู้สึกคล้ายกันในทางใดทางหนึ่งเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีแรงจูงใจที่สมบูรณ์แบบ เรารักพระเจ้าและรักคนอื่น แต่แรงจูงใจของเราในการดำเนินชีวิตคริสเตียน บางครั้งก็ปนเปกับความต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่าหรือชื่นชม
      พระเยซูตรัสถึงคนเหล่านั้นที่ถวาย อธิษฐานและอดอาหารเพื่อให้คนอื่นเห็น (มธ.6:1-6) พระองค์ทรงสอนในคำเทศนาบนภูเขาว่า “ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ” “จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ” และ “เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมอง” (ข้อ 4,6,16)
      การรับใช้มักต้องทำในที่แจ้ง แต่บางทีการรับใช้โดยไม่ออกนามอาจช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะพอใจกับทัศนคติที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระองค์ผู้ทรงสร้างเราตามพระฉายาของพระองค์ทรงให้คุณค่าเรามาก จนประทานพระบุตรและสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทุกวัน
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอภัยที่เราต้องการคำยกย่องจากคนอื่นมากกว่าจากพระองค์ ขอทรงช่วยเมื่อเราต้องต่อสู้ เพื่อจะรักษาแรงจูงใจอันบริสุทธิ์ไว้
      ความปรารถนาให้พระเจ้าพอพระทัยควรเป็นแรงจูงใจสูงสุดที่เราเชื่อฟังพระเจ้า

      ข้อคิดที่ได้
      1 การทำในสิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นรับรู้
      2 การหลอกตัวเองไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
      3 ตัวเราทำสิ่งใดย่อมรู้แก่ใจตัวเอง
      4 อย่ากลัวที่จะปฏิบัติดี
      5 เมื่อปฏิบัติดีแล้วผลดีย่อมเกิดแก่ใจตัวเอง

      ลบ
    2. อ่านแล้วครับ O K ^^ .God Bless U :-)

      ลบ
  10. มอบหมายงานนักศึกษา 580414 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. บทความที่ 1
      ความสว่างแท้ซึ่งให้ความสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำลังเข้ามาในโลก - ยอห์น 1:9 (อมตธรรม)
      นักบินอวกาศชาร์ลส์ แฟรงค์ โบลเดน จูเนียร์กล่าวว่า “ครั้งแรกที่ผมออกไปในอวกาศ มุมมองที่ผมมีต่อโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง” เหนือพื้นโลกขึ้นไป 640 กม.ทุกสิ่งอย่างดูสงบเงียบและสวยงามสำหรับเขา แต่ต่อมาโบลเดนนึกได้ว่า ตอนที่ผ่านตะวันออกกลาง เขารู้สึก “พรั่นพรึงกับความจริง” เมื่อนึกถึงความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นที่นั่น ระหว่างให้สัมภาษณ์เจเร็ด เลโต ผู้กำกับภาพยนตร์ โบลเดนบอกว่าเวลานั้นเขามองเห็นโลกตามที่ควรจะเป็นและรู้สึกถึงความท้าทายที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้โลกนี้ดีขึ้น
      เมื่อพระเยซูประสูติในเบธเลเฮม โลกไม่ได้เป็นอย่างที่พระเจ้าทรงต้องการให้เป็น พระเยซูเสด็จมาในโลกที่มีความมืดมนฝ่ายศีลธรรมและจิตวิญญาณเพื่อนำชีวิตและความสว่างมาถึงทุกคน (ยน.1:4) แม้โลกจะไม่รู้จักพระองค์ “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า” (ยน.1:12)
      เราเสียใจสุดซึ้งเมื่อชีวิตไม่เป็นอย่างที่หวัง เมื่อครอบครัวแตกแยก เด็กๆ หิวโหยและมีสงครามเกิดขึ้นในโลก แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าทุกคนสามารถมุ่งไปในทิศทางใหม่ได้เมื่อเชื่อวางใจในพระคริสต์
      เทศกาลคริสต์มาสย้ำเตือนเราว่า พระเยซูองค์พระผู้ช่วยให้รอดประทานชีวิตและความสว่างแก่ทุกคนที่พร้อมจะรับและติดตามพระองค์
      ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ขอให้เราแบ่งปันชีวิตและความสว่างของพระเยซูกับผู้อื่นวันนี้เราไม่ได้เป็นอย่างที่เราน่าจะเป็น แต่พระเจ้าทรงกำลังปั้นแต่งเราให้เป็นอย่างที่พระองค์ต้องการ
      ข้อคิด
      1. มุมมองของแต่ละคนมักจะมองต่างกัน
      2. เราสามรถทำตามคำแนะนำของคนอื่นได้แต่ควรไตร่ตรอง
      3.ควรนำสิ่งที่ผิดหวังมาเป็นแรงผลักดัน
      4. นำสิ่งที่ผิดพลาดมาเป็นบทเรียน
      5. ไม่ควรย่อท้อต่ออุปสรรค
      เปล่งคุณงามความดีของพระเจ้า SHINING GOD’S GOODNESS
      "จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ
      เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์" (มัทธิว 5:16)


      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      บางครั้งเมื่อเห็นความชั่วร้ายในโลกนี้ทำให้เราสงสัยว่า ทำไมหนอพระเจ้าผู้กอปร
      ด้วยความรักจึงปล่อยให้มันลอยนวลอยู่ได้แต่เราน่าจะตั้งคำถามอีกอย่างหนึ่งว่า
      ความดี ความรัก และการปรนนิบัติดูแลผู้อื่นเป็นประจักษ์พยานให้เห็นว่ามีพระเจ้า
      ประทับอยู่หรือไม่
      ผมได้เห็นความดีของพระเจ้าด้วยตาตนเองตอนผ่าตัดเปลี่ยนหัวเข่าที่คลินิกฟื้น
      สภาพแห่งหนึ่ง คณะแพทย์และพยาบาลที่ช่วยดูแลรักษาผมมาจากประเทศรัสเซีย
      อินเดีย ฟิลิปปินส์ อัลบาเนียและโรมาเนีย ท่านเหล่านี้ที่มาทั่วโลกเป็นเหมือนผู้รับใช้
      พระเจ้ามาดูแลรักษาผม ทุกคนมีเป้าหมายในใจอย่างเดียวกันคือช่วยจัดเตรียมสิ่งที่
      จำเป็นเพื่อรักษาผมให้หายดีผมได้สัมผัสการประทับอยู่ของพระเจ้าจากการเอาใจใส่
      ดูแลทุกอย่างของท่านเหล่านั้น
      ถึงโลกนี้จะมีความชั่วร้ายอยู่มากมายก็จริง แต่พระคุณความดีของพระเจ้าก็เปล่ง
      ออกมาให้เห็นเมื่อผู้คนแสดงความรักและเมตตาต่อกัน พระเจ้าทรงเป็นความรัก (ดู
      1 ยอห์น 4:8) ถ้าเราแสดงความเมตตากรุณาก็เท่ากับเผยให้โลกเห็นพระเจ้า
      อธิษฐาน : ข้าแต่พระเจ้าพระผู้สร้าง ขอบพระคุณที่ทรงเผยพระองค์ขณะที่ข้าพระองค์
      ทั้งหลายเสาะหาพระองค์โปรดให้การดำเนินชีวิตของข้าพระองค์เปล่งพระสิริของพระองค์
      ออกมา ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
      ผู้เขียน : แสตนลีย์ แอล เฮยส์(มิชิแกน)
      (บทความจากหนังสือห้องชั้นบน)
      ข้อคิด
      1. เมื่อมีคนเจ็บป่วยเราเป็นพยาบาลควรรักษาช่วยเหลือ อย่างสุดความสามรถ
      2. ควรมีจิตใจโอบอ้อมอารี
      3. ควรมีความเมตตาต่อบุคคลอื่น
      4. เต็มใจช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน
      5. รู้จักหน้าที่ของตนที่จะช่วยเหลือผู้อื่นและทำด้วยความเต็มใจ

      ลบ
    2. 580414 อ่านแล้วครับ O K ^^ .God Bless U :-)

      ลบ
  11. มอบหมายงานนักศึกษา 580171 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
  12. มอบหมายงานนักศึกษา 580076 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2559 เวลา 12:29

      วันที่ 9/12/59 บทความเรื่อง ของเหลือทิ้งที่มีประโยชน์
      ในปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก พร้อมกันนั้นโลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เพราะมนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรจะหมดหรือสูญหายไปจากโลกนี้ เศษกระดาษหรือสิ่งที่เราไม่ใช้แล้วหลายคนๆคิดว่าเป็นขยะใช้งานไม่ได้ มองข้ามไป โดยไม่รู้ว่าสักวันนึงเราจะได้พึ่งมัน ถึงแม้จะเป็นเศษขยะแต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างงดงามดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของประดับตกแต่ง และของใช้ต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการนำเศษสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนการทิ้งให้สูญเปล่า
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1 ไม่มองข้ามหรือทิ้งของนั้นให้ไร้ประโยชน์ เพราะอาจเกิดประโยชน์แก่คนอื่นได้
      2 นำมาประดิษฐ์ ตกแต่ง ให้สวยงามน่ามอง
      3 เห็นประโยชน์และคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น
      4 เกิดความคิดสร้างสรรค์และไอเดียร์ใหม่ๆ
      5 ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์


      วันที่ 9/12/59 เรื่อง ขอเพียงให้รู้เรื่องจริงๆ
      สิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์บางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป บางครั้ง เราอาจคิดถูก บางครั้งเราอาจคิดผิด มันคือความไม่แน่นอนกี่ครั้งแล้วที่เราด่วนสรุปเรื่องแบบผิดๆ เพราะไม่ได้รับข้อเท็จจริงทั้งหมด
      บ่อยแค่ไหนที่เราคิดถึงเรื่องของคนอื่น แบบให้ร้ายป้ายสีแทนที่เราจะกล่าวร้ายผู้อื่น
      เราน่าจะชื่นชมความดีของพระเจ้าและเริ่มเรียนวิธีแบ่งปันพระคุณของพระองค์แก่ผู้อื่น
      ในยามที่พวกเขาต้องการ
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1.ไม่เชื่ออะไรง่ายๆถ้ายังไม่รู้ความจริง
      2.ไม่ควรตัดสินใจด้วยอารมณ์
      3.ไม่พูดใส่ร้ายกันและกัน
      4.มองโลกในแง่ดี ไม่มีอคติ
      5.ไม่ควรมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ

      ลบ
    2. 580076 อ่านแล้ว OK ครับ GOD BLESS U:

      ลบ
  13. มอบหมายงานนักศึกษา 580397 อ่านบทความ 3 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แก้เป็นอ่านบทความ 1 บทความ

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2559 เวลา 17:43

      ภูเขาที่ยาก A difficult hill
      จากบทความ “พระองค์ท่านจะทรงดื่มจากลำธารข้างทาง ฉะนั้นพระองค์ท่านจะทรงผงกพระเศียรขึ้น” - สดุดี 110:7

      ยอดเขาจักแฮนเดิล บนเทือกเขาทางตอนเหนือของบ้านเราในรัฐไอดาโฮมีทะเลสาบน้ำแข็งอยู่ทางเดินไปยังทะเลสาบพาดตามสันเขาที่สูงชันและเปิดโล่งผ่านหินใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ เป็นทางเดินที่ต้องอาศัยความทรหดอย่างมาก
      ตรงจุดที่ต้องปีนขึ้นไป มีลำธารอยู่ ซึ่งเป็นตาน้ำออกมาจากดินนุ่มที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ ไหลผ่านทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม ที่นี่เงียบสงบน่าดื่มด่ำก่อนจะต้องปีนป่ายอย่างทรหดเบื้องหน้า
      ในนิทานเปรียบเทียบชีวิตคริสเตียนของ จอห์น บันยัน เรื่องปริศนาธรรม ตัวละครชื่อคริสเตียนมาถึงเชิงเขาสูงชื่อ เนินเขายากลำบาก “ที่ข้างล่างนั้นมีน้ำพุ… คริสเตียนไปดื่มน้ำที่น้ำพุเพื่อความสดชื่น แล้วก็เริ่มต้นเดินขึ้นเขา”
      ภูเขายากลำบากที่คุณเผชิญอยู่อาจเป็น ลูกที่ดื้อรั้น หรือโรคร้ายแรง ปัญหานั้นดูเหมือนหนักเกินทน
      ก่อนเริ่มงานสำคัญชิ้นต่อไป คุณจงไปที่น้ำพุแห่งการฟื้นใจคือพระเจ้า จงมาหาพระองค์ในความอ่อนแอ เหนื่อยอ่อน สิ้นหวัง กลัว และสงสัย แล้วดื่มจากฤทธิ์อำนาจ กำลัง และพระปัญญาของพระองค์ พระเจ้าทรงทราบทุกเรื่องราวของคุณ และจะทรงปลอบโยนและฟื้นกำลังฝ่ายวิญญาณ จะทรงช่วยให้คุณฟื้นชื่นขึ้นและให้คุณมีกำลังไปต่อ
      “พระบิดาเจ้า ในเวลานี้ข้าพระองค์ทูลขอพระกำลังหนุนความอ่อนแอทูลขอพลังเสริมความเหน็ดเหนื่อย และความเชื่อขจัดความสงสัย”
      พระองค์ผู้ครอบครองเหนือสิ่งสารพัด...ช่วยให้คริสเตียน...เดินต่อไปได้ - จอห์น บันยัน ปริศนาธรรม....

      ข้อคิดที่ได้
      1.พระเจ้าเปรียบเสมือนน้ำสายธารที่หล่อเลี้ยง เติมกำลังใจให้กับชาวคริสเตียน
      2.การที่เราจะกระทำสิ่งต่างๆได้นั้น ต้องมีสติ ปัญญา และกำลังใจ ในการกระทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อจะได้สำเร็จด้วยดี
      3.พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งลูกของพระองค์ แม้ในยามที่ลูกของพระองค์ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย หมดกำลัง
      4.พระองค์ทรงเลือกหนทางที่ดีให้แก่ลูกของพระองค์เสมอ
      5.ในเวลาที่เผชิญกับความยากลำบาก พระเจ้าจะอยู่เคียงข้าง

      ลบ
    3. 580397 อ่านแล้ว OK ครับ GOD BLESS U:

      ลบ
  14. มอบหมายงานนักศึกษา 580362 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แก้เป็นอ่านบทความ 1 บทความ

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2559 เวลา 18:37

      หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา - มาระโก 14:6 (อมตธรรม)
      นึกภาพวัยรุ่นหญิงสองคน คนแรกสุขภาพดีแข็งแรง อีกคนไม่เคยรู้จักการได้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง เธอต้องนั่งรถเข็นและไม่เพียงเจอความท้าทายทางอารมณ์เช่นคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังต้องพบความลำบากและเจ็บปวดทางร่างกายอยู่เสมอ
      แต่เด็กสาวทั้งสองคนยิ้มอย่างร่าเริงขณะอยู่ด้วยกัน วัยรุ่นงดงามสองคนที่ต่างเห็นคุณค่าของมิตรภาพในกันและกัน
      พระเยซูทรงอุทิศเวลาและสนใจคนที่เหมือนกับเด็กหญิงนั่งรถเข็นคนนั้น คนที่มีความพิการหรือความผิดปกติทางกาย รวมทั้งคนที่ถูกดูหมิ่นไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม พระเยซูทรงให้คนหนึ่ง “ในคนเหล่านั้น” ชโลมพระองค์ด้วยน้ำมันหอม สร้างความรังเกียจให้กับผู้นำศาสนา (ลก.7:39) อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหญิงคนหนึ่งสำแดงความรักคล้ายๆ กัน พระเยซูตรัสกับคนวิจารณ์ว่า “อย่ายุ่งกับนาง…หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา” (มก.14:6)
      พระเจ้าทรงให้คุณค่าทุกคนเท่ากัน ในสายพระเนตรพระองค์ไม่มีความแตกต่าง ในความเป็นจริง เราต่างต้องการความรักและการให้อภัยของพระคริสต์ ความรักของพระองค์ทำให้ทรงยอมตายบนกางเขนเพื่อเรา
      ขอให้เราเห็นผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูทรงเห็น คือ ถูกสร้างตามพระฉายาและควรค่ากับความรักของพระเจ้า ขอให้เราปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีงามอย่างที่พระองค์ทรงเห็น
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้เราเห็นคนอื่นอย่างที่พระองค์ทรงเห็นไม่ใช่สำคัญที่ความสามารถหรือหน้าตา แต่เพราะพวกเขาถูกสร้างตามพระฉายาและทรงรักพวกเขามากจนยอมตายเพื่อพวกเขา
      ทุกคนที่เราพบ ต่างมีพระฉายาของพระเจ้า
      โดย Dave Branon
      พันธกิจมานาประจำวัน
      ข้อคิด
      1.ทุกคนที่เกิดมามีสิทธิเท่าเทียมกัน
      2.การตัดสินบุคคลไม่ควรมองที่ภายนอก
      3.ทุกคนที่เกิดมาย่อต้องการความรักและการให้อภัยซึ่งกันและกัน
      4.คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะกระทำได้
      5.ถึงแม้บางคนเขามีร่างกายที่ไม่พร้อมแต่เขาก้อมีจิตใจที่พร้อมจะทำความดีเสมอ


      ลบ
  15. มอบหมายงานนักศึกษา 580356 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ลูกศรชี้ทาง
      "ความหวังที่เรายึดนั้นเป็นเสมือนสมอที่แน่และมั่นคงของจิตใจ ความหวังนั้นที่นำไปสู่อภิสุทธิสถานข้างหลังม่านที่พระเยซูผู้ทรงนำหน้าได้เสด็จเข้าไปก่อนเพื่อเราแล้ว" (ฮีบรู6:19-20)
      ตะวันขึ้นมาแล้วหนึ่งชั่วโมง ผมกับเพื่อนรับผิดชอบตั้งป้ายบอกทางคนเดินและ
      วิ่งแข่งระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งคริสตจักรใกล้เคียงสองแห่งเป็นผู้สนับสนุน เราเริ่มทำงานโดย
      ใช้รถปิคอัพขนป้ายบอกทาง น้ำดื่มระหว่างครึ่งทางและแผนที่ เราทำเครื่องหมายชั่วคราวเพื่อ
      บอกทางตรงไปและทางเลี้ยวแก่ผู้แข่งขันโดยใช้ป้ายลูกศรชี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครหลงทาง
      บางครั้งชีวิตผมเคยหลงเพราะไม่สนใจลูกศรบอกทางที่พบในพระคัมภีร์ ลูกศร
      ชี้ทางในการวิ่งแข่งต้องเลิกใช้ในที่สุด แต่ปัญญาและแนวทางที่พบในพระคัมภีร์มีอยู่
      ถาวร ผมสามารถรับบทเรียนจากการเลี้ยวผิดทางหรือติดตามการทรงนำของพระเจ้า
      ขึ้นอยู่กับการถวายเวลาเพื่ออยู่ใกล้กับพระเจ้าทุกวันด้วยการอ่านพระคัมภีร์พระธรรม
      สุภาษิต 3:3 บอกไว้ดังนี้“อย่าให้ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ทอดทิ้งเจ้า จงผูก
      มันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า”
      ข้อคิดสำหรับวันนี้:แม้เมื่อเดินทางผิดก็ยังเป็นโอกาสให้เติบโตในความเชื่อได้
      อธิษฐาน: ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้จงรักภักดี
      และสัตย์ซื่อต่อพระองค์มากขึ้นทุกวัน ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
      ผู้เขียน:บิลล์ ไพค์(เวอร์จิเนีย)
      เป้าหมายของคำอธิษฐาน :การจัดทีมสำหรับวาระสำคัญๆ ของคริสตจักร

      ข้อคิดที่ได้
      1.พระเจ้าทรงให้โอกาศแก่คนที่หลงทาง ให้กลับมาหาพระองค์เสมอ
      2.พระเจ้าทรงเลือกเส้นทางที่ดีที่สุกแก่เรา เราแค่อย่าหลงไปกับอุบายไม่ดีที่พระองค์มิชอบ
      3.ทุกเส้นทางนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เมื่อเราเลือกจงตั้งเป้าที่จะไปข้างหน้า เพราะพระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งลูกของพระองค์
      4.เมื่อเราเดิน และ มีปัญหาเข้ามา เรามักจะมองที่ปัญหาจนลืม พระเจ้า ผู้เป็นศรไปสู่ความรอด
      5.ชีวิตเรานั้นคือการเดินทางและเลือกเส้นทาง ไม่ว่าจะดีแค่ไหน ก็ไม่อาจสู้เส้นทางของ พระผู้เป็นเจ้า ซึ้งเป็นทางเดียวและทางที่จะช่วยให้เรารอด

      ลบ
    2. อ่านแล้ว OK ครับ GOD BLESS U:

      ลบ
  16. มอบหมายงานนักศึกษา 580321 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ2 ธันวาคม 2559 เวลา 22:23

      “เพื่อท่านทั้งหลายจะได้พร้อมใจกันสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” - โรม 15:6

      ขณะนิโคลัส เทย์เลอร์ ขึ้นรถไฟในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ขาของเขาไปติดอยู่ระหว่างชานชาลากับขบวนรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเขาออกมาไม่ได้ จึงขอให้ผู้โดยสารราว 50 คนยืนเรียงแถว ช่วยกันดันรถไฟเมื่อนับถึงสาม การร่วมมือกันทำให้ดันรถไฟขึ้นพอที่ขาของเขาจะหลุดออกมาได้

      อัครทูตเปาโลพูดถึงพลังของคริสเตียนที่ร่วมมือกันไว้ในจดหมายหลายฉบับที่เขียนถึงคริสตจักรยุคแรก ท่านเรียกร้องให้ผู้เชื่อชาวโรมันยอมรับกันและกันดังเช่นที่พระคริสต์ได้ทรงทำ “(ขอพระเจ้า) โปรดช่วยให้ท่านมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามอย่างพระเยซูคริสต์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้พร้อมใจกันสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (รม.15:5-6)

      การเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้เชื่อทำให้เราได้ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและช่วยเราอดทนต่อการกดขี่ข่มเหง เปาโลรู้ว่าชาวเมืองฟีลิปปีจะต้องจ่ายราคาเพื่อความเชื่อ ท่านจึงหนุนใจพวกเขาให้ต่อสู้ “เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น และท่านไม่เกรงกลัวผู้ที่ขัดขวางท่านแต่ประการใดเลย” (ฟป.1:27-28)

      ซาตานชอบทำให้แตกแยกและเอาชนะ แต่มันล้มเหลวเมื่อเรา “เพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้นด้วยสันติภาพเป็นพันธนะ” ด้วยการทรงช่วยจากพระเจ้า (อฟ.4:3)

      “ข้าแต่พระเจ้า ขอให้คริสเตียนในทุกที่ทั่วโลกได้รับพระพรจากการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์ ขอเตือนให้เราระลึกถึงสิ่งที่เรามีคือความหวังเดียว ความเชื่อเดียว และพระเจ้าเดียว คือองค์พระเยซูคริสต์”

      “ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา เกิดขึ้นเมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์”

      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1.การที่เราเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้เราได้ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
      2.ได้รู้จักการอดทนตอการถูกข่มขู่ในเรื่องของพระเจ้า
      3.ความพร้อมใจกันทำให้ไม่มีใครมาทำรายพวกเราได้
      4.หนึ่งเดียวคือการทำให้ทุกคนรอบข้างมีความสุข
      5.ทุกคนสามัคคีกันทำให้ไม่เกิดความแตกแยก

      ลบ
    2. อ่านแล้ว OK ครับ GOD BLESS U:

      ลบ
  17. มอบหมายงานนักศึกษา 580092 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ1 ธันวาคม 2559 เวลา 23:40

      วันที่ 1/12/59 บทความเรื่อง ของเหลือทิ้งที่มีประโยชน์
      มนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรจะหมดหรือสูญหายไปจากโลกนี้ เศษกระดาษหรือสิ่งที่เราไม่ใช้แล้วหลายคนๆคิดว่าเป็นขยะใช้งานไม่ได้ มองข้ามไป โดยไม่รู้ว่าสักวันนึงเราจะได้พึ่งมัน ถึงแม้จะเป็นเศษขยะแต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างงดงามดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของประดับตกแต่ง และของใช้ต่างๆ

      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1 อย่ามองข้ามสิ่งที่ไร้ค่า เพราะมันอาจจะมีค่าในเวลาที่จำเป็น
      2 ความสามัคคี ก่อให้เกิดความเร็จ
      3 การรุ้จักคุณค่าของสิ่งของ
      4 มีการใช้ความคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน
      5 การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์

      ลบ
    2. อ่านแล้วครับ GoDูู BLeSS You^^

      ลบ
  18. มอบหมายงานนักศึกษา 580026 อ่านบทความ 4 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 20 ข้อ (บทความละ 5 ข้อ)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 20:47

      บทความที่ 1.
      ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers

      เยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน - ยากอบ 1:27
      เสียงโทรศัพท์ของสามีฉันซึ่งเป็นผู้รับใช้ดังขึ้นกลางดึก หญิงอายุ 70 กว่าที่อยู่ตัวคนเดียวและเป็นนักอธิษฐานคนหนึ่งในคริสตจักรของเราถูกพาส่งโรงพยาบาล
      เธอป่วยถึงขั้นไม่กินไม่ดื่ม มองไม่เห็นและเดินไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเธอจะอยู่หรือจากไป เราเป็นห่วงเธอมากจึงทูลอ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยเหลือและเมตตา
      คริสตจักรริเริ่มจัดตารางเยี่ยมเธอตลอดวัน เราไม่เพียงคอยดูแลเธอเท่านั้น แต่ยังสำแดงความรักของคริสเตียนแก่คนไข้
      ผู้มาเยี่ยมและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนอื่นๆ ด้วย
      จดหมายของยากอบถึงคริสเตียนชาวยิวยุคแรก หนุนใจให้คริสตจักรดูแลคนที่ขัดสน
      ยากอบต้องการให้ผู้เชื่อไม่เพียงแค่ฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ให้สำแดงความเชื่อเป็นการปฏิบัติด้วย
      (ยก.1:22-25) เมื่อท่านกล่าวถึงเด็กกำพร้าและหญิงม่าย (ยก.1:27) ท่านหมายถึงกลุ่มคนที่อ่อนแอ เพราะในสมัยนั้นครอบครัวต้องรับผิดชอบดูแลพวกเขา
      เราจะตอบสนองต่อกลุ่มคนที่ตกอยู่ในความเสี่ยงในคริสตจักรและชุมชนของเราได้อย่างไร
      เราเห็นว่าการดูแลเด็กกำพร้าและหญิงม่ายเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกฝนความเชื่อของเราหรือไม่ ขอพระเจ้าทรงเปิดตาให้เราเห็นโอกาสที่จะรับใช้ผู้ขัดสนในทุกหนทุกแห่ง
      ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่คนเหล่านั้นที่อ่อนแอและ
      โดดเดี่ยวขอทรงช่วยเราให้รักคนของพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาเพราะเราล้วนได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์
      ความเชื่อแท้ต้องแสดงออกเป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูด

      ช้อคิดที่ได้จากบทความ

      1.เมื่อเราได้รู้ได้รับฟังในสิ่งดีๆเราควรทำตามเพื่อเป็นแบบอย่างต่อไปของคนรุ่นหลังๆ
      2.การกระทำล้วนสำคัญกว่าคำพูด
      3.ความเชื่อที่ว่าพระองค์นั้นทรงดูแลห่วงใยเป็นการกระทำที่แท้จริง
      4.การดูแลทุกสิ่งที่สำคัญล้วนเป็นผู้รับฟังและผู้ปฎิบัติที่ควรทำ
      5.พระวจนะและหลักคำสอนล้วนเป็นสิ่งที่เราควรทำตาม




      บทความที่ 2.

      มีใจกรุณาเสมอ Constant Kindness

      ท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน - เอเฟซัส 4:32
      ตอนเด็กๆ ผมเป็นแฟนตัวยงของแอล แฟรงก์ บอม ผู้เขียนหนังสือ ชุดออซดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ ไม่นานมานี้ผมไปเจอเรื่องริงกิตติง อิน ออซ
      พร้อมภาพประกอบต้นฉบับทั้งหมด ผมหัวเราะอีกครั้งกับพฤติกรรมตลกๆ ของพระราชาริงกิตติงที่ร่าเริง จิตใจดีและติดดิน เจ้าชายอินกาพูดถึงพระองค์ได้ดีที่สุดว่า
      “ทรงมีพระทัยกรุณาและอ่อนโยนซึ่งย่อมดีกว่าการเป็นคนฉลาดยิ่งนัก”
      ช่างเรียบง่ายและเข้าท่าจริงๆ! แต่มีใครไหมที่ไม่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงทำร้ายจิตใจบุคคลที่รัก
      ซึ่งเป็นการทำลายความสงบสันติและลบล้างความดีมากมายที่เราเคยทำไว้กับพวกเขา
      ฮันนาห์ มอร์ นักเขียนชาวอังกฤษสมัยศตวรรษที่ 18 กล่าวไว้ว่า “ใจร้ายเพียงนิดคือการกระทำผิดครั้งใหญ่”
      ข่าวดีคือ ใครๆ ก็มีใจกรุณาได้ เราอาจเทศนาได้ไม่เร้าใจ ตอบคำถามยากๆ หรือประกาศกับคนหมู่มากไม่ได้ แต่เราทุกคนมีใจกรุณาได้
      อย่างไรหรือ โดยผ่านการอธิษฐาน ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้จิตใจอ่อนโยนลง “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์
      ขอรักษาประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ ขออย่าให้จิตใจข้าพระองค์เอนเอียงไปหาความชั่ว[หรือโหดร้าย]ใดๆ” (สดด.141:3-4)
      ในโลกที่ความรักเยือกเย็นลง ความกรุณาที่มาจากพระทัยพระเจ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเหลือและเยียวยาได้ดีที่สุดที่เราจะมอบให้แก่ผู้อื่นได้

      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ควรคิดก่อนพูดเสมอ
      2.คำพูดเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกันหากเราไม่คิด
      3.คำพูดความรู้สึกทุกๆอย่างปลอบประโยนได้ด้วยความกรุณาอารี
      4.ความเมตตาเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตที่เราควรมีแก่ผู้อื่น
      5.จิตใจอ่อนโยนและความเมตตาเป็นสิ่งที่เราควรมี

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 20:49

      บทความที่ 3

      นำด้วยความรัก Leading with Love


      “แต่เพราะเห็นแก่ความรัก ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า” - ฟีเลโมน 1:9
      ในหนังสือชื่อ ผู้นำฝ่ายวิญญาณ เจ. ออสวอลด์ แซนเดอร์ ได้ศึกษาลักษณะและความสำคัญของไหวพริบและความสามารถในการเจรจา แซนเดอร์กล่าวว่า
      “เมื่อรวมสองคำนี้เข้าด้วยกัน จะกลายเป็นทักษะในการผสานมุมมองที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยไม่ทำให้บาดหมางและไม่ผิดหลักการด้วย”
      ช่วงที่เปาโลถูกขังในกรุงโรม ท่านเป็นพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณและเพื่อนรักกับโอเนสิมัส ซึ่งเป็นทาสที่หนีจากนายชื่อฟีเลโมน เมื่อเปาโลเขียนจดหมายถึงฟีเลโมน
      ผู้นำคริสตจักรในเมืองโคโลสี ขอให้รับโอเนสิมัสกลับไปในฐานะพี่น้องในพระคริสต์ ท่านใช้ไหวพริบและความสามารถในการเจรจา
      “แม้ว่าโดยพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอที่จะสั่งให้ท่านทำสิ่งที่ควรกระทำได้ แต่เพราะเห็นแก่ความรัก
      ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า…(โอเนสิมัส)เป็นที่รักมากของข้าพเจ้า แต่คงจะเป็นที่รักของท่านมากยิ่งกว่านั้นอีก
      ทั้งในฐานะเป็นคนและเป็นเพื่อนคริสตชนด้วยกัน” (ฟม.1:8-9, 16)
      เปาโลเป็นผู้นำซึ่งเป็นที่นับถือในคริสตจักรยุคแรกและมักจะสั่งสอนสาวกพระเยซูอย่างตรงไปตรงมา แต่ในกรณีนี้
      ท่านได้ขอร้องฟีเลโมน เพราะเห็นแก่ความเสมอภาค มิตรภาพ และความรัก “ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิบัติสิ่งใดลงไป
      นอกจากท่านจะเห็นชอบด้วย เพื่อว่าคุณความดีที่ท่านกระทำนั้นจะไม่เป็นการฝืนใจ แต่จะเป็นความประสงค์ของท่านด้วย” (ฟม.1:14)
      ในทุกๆ ความสัมพันธ์ของเรา ให้เราอุตส่าห์รักษาความสามัคคีและหลักการไว้อยู่ภายใต้ความรัก
      พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ในทุกๆความสัมพันธ์ ขอโปรดประทานพระคุณและสติปัญญาเพื่อให้ข้าพระองค์เป็นผู้นำ เป็นพ่อแม่ และเพื่อนที่ชาญฉลาด
      ................ ผู้นำที่รับใช้คือผู้ทำหน้าที่ผู้รับใช้ที่ดี………………….

      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนพลังในการใช้ชีวิตประจำวัน
      2.ความรักเป็นกำลังใจในการกระทำในทุกๆอย่างของเรา
      3.การนำไปซึ่งความสำเร็จล้วนมีความรักความเมตตาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จอยู่ด้วย
      4.รักเป็นเหมือนดาบสองคมมีทั้งสองด้านทั้งด้านดีและด้านเสีย
      5.เมื่อคิดจะรักต้องเข้าใจและรักด้วยเหตุผล


      บทความที่ 4.

      งดงาม Beautiful

      หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา - มาระโก 14:6 (อมตธรรม)
      นึกภาพวัยรุ่นหญิงสองคน คนแรกสุขภาพดีแข็งแรง อีกคนไม่เคยรู้จักการได้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง เธอต้องนั่งรถเข็นและ
      ไม่เพียงเจอความท้าทายทางอารมณ์เช่นคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังต้องพบความลำบากและเจ็บปวดทางร่างกายอยู่เสมอ
      แต่เด็กสาวทั้งสองคนยิ้มอย่างร่าเริงขณะอยู่ด้วยกัน วัยรุ่นงดงามสองคนที่ต่างเห็นคุณค่าของมิตรภาพในกันและกัน
      พระเยซูทรงอุทิศเวลาและสนใจคนที่เหมือนกับเด็กหญิงนั่งรถเข็นคนนั้น คนที่มีความพิการหรือความผิดปกติทางกาย
      รวมทั้งคนที่ถูกดูหมิ่นไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม พระเยซูทรงให้คนหนึ่ง “ในคนเหล่านั้น” ชโลมพระองค์ด้วยน้ำมันหอม
      สร้างความรังเกียจให้กับผู้นำศาสนา (ลก.7:39) อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหญิงคนหนึ่งสำแดงความรักคล้ายๆ กัน พระเยซูตรัสกับคนวิจารณ์ว่า
      “อย่ายุ่งกับนาง…หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา” (มก.14:6)
      พระเจ้าทรงให้คุณค่าทุกคนเท่ากัน ในสายพระเนตรพระองค์ไม่มีความแตกต่าง ในความเป็นจริง เราต่างต้องการความรักและการให้อภัยของพระคริสต์
      ความรักของพระองค์ทำให้ทรงยอมตายบนกางเขนเพื่อเรา
      ขอให้เราเห็นผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูทรงเห็น คือ ถูกสร้างตามพระฉายาและควรค่ากับความรักของพระเจ้า
      ขอให้เราปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีงามอย่างที่พระองค์ทรงเห็น
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้เราเห็นคนอื่นอย่างที่พระองค์ทรงเห็นไม่ใช่สำคัญที่ความสามารถหรือหน้าตา
      แต่เพราะพวกเขาถูกสร้างตามพระฉายาและทรงรักพวกเขามากจนยอมตายเพื่อพวกเขา
      ทุกคนที่เราพบ ต่างมีพระฉายาของพระเจ้า

      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ความสวยงามที่แท้จริงย่อมมาจากใจ
      2.สวยงามแค่ภายนอกนั้นไม่สำคัญเท่าสวยออกมาจากภายในใจ
      3.สวยงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาแต่เป็นที่มารยามและนิสัย
      4.ความสวยงามเพียงผิวเผินย่อมหมดลงรวดเร็ว
      5.เมื่อจิตใจสวยงามความรู้สึกและการกระทำที่เปล่งให้คนอื่นเห็นย่อมสวยงามเสมอ

      ลบ
    3. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 20:57

      บทความที่ 1.
      ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers
      เยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน - ยากอบ 1:27
      เสียงโทรศัพท์ของสามีฉันซึ่งเป็นผู้รับใช้ดังขึ้นกลางดึก หญิงอายุ 70 กว่าที่อยู่ตัวคนเดียวและเป็นนักอธิษฐานคนหนึ่งในคริสตจักรของเราถูกพาส่งโรงพยาบาล
      เธอป่วยถึงขั้นไม่กินไม่ดื่ม มองไม่เห็นและเดินไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเธอจะอยู่หรือจากไป เราเป็นห่วงเธอมากจึงทูลอ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยเหลือและเมตตา
      คริสตจักรริเริ่มจัดตารางเยี่ยมเธอตลอดวัน เราไม่เพียงคอยดูแลเธอเท่านั้น แต่ยังสำแดงความรักของคริสเตียนแก่คนไข้
      ผู้มาเยี่ยมและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนอื่นๆ ด้วย
      จดหมายของยากอบถึงคริสเตียนชาวยิวยุคแรก หนุนใจให้คริสตจักรดูแลคนที่ขัดสน
      ยากอบต้องการให้ผู้เชื่อไม่เพียงแค่ฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ให้สำแดงความเชื่อเป็นการปฏิบัติด้วย
      (ยก.1:22-25) เมื่อท่านกล่าวถึงเด็กกำพร้าและหญิงม่าย (ยก.1:27) ท่านหมายถึงกลุ่มคนที่อ่อนแอ เพราะในสมัยนั้นครอบครัวต้องรับผิดชอบดูแลพวกเขา
      เราจะตอบสนองต่อกลุ่มคนที่ตกอยู่ในความเสี่ยงในคริสตจักรและชุมชนของเราได้อย่างไร
      เราเห็นว่าการดูแลเด็กกำพร้าและหญิงม่ายเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกฝนความเชื่อของเราหรือไม่ ขอพระเจ้าทรงเปิดตาให้เราเห็นโอกาสที่จะรับใช้ผู้ขัดสนในทุกหนทุกแห่ง
      ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่คนเหล่านั้นที่อ่อนแอและ
      โดดเดี่ยวขอทรงช่วยเราให้รักคนของพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาเพราะเราล้วนได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์
      ความเชื่อแท้ต้องแสดงออกเป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูด
      ช้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.เมื่อเราได้รู้ได้รับฟังในสิ่งดีๆเราควรทำตามเพื่อเป็นแบบอย่างต่อไปของคนรุ่นหลังๆ
      2.การกระทำล้วนสำคัญกว่าคำพูด
      3.ความเชื่อที่ว่าพระองค์นั้นทรงดูแลห่วงใยเป็นการกระทำที่แท้จริง
      4.การดูแลทุกสิ่งที่สำคัญล้วนเป็นผู้รับฟังและผู้ปฎิบัติที่ควรทำ
      5.พระวจนะและหลักคำสอนล้วนเป็นสิ่งที่เราควรทำตาม

      บทความที่ 2.
      มีใจกรุณาเสมอ Constant Kindness
      ท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน - เอเฟซัส 4:32
      ตอนเด็กๆ ผมเป็นแฟนตัวยงของแอล แฟรงก์ บอม ผู้เขียนหนังสือ ชุดออซดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ ไม่นานมานี้ผมไปเจอเรื่องริงกิตติง อิน ออซ
      พร้อมภาพประกอบต้นฉบับทั้งหมด ผมหัวเราะอีกครั้งกับพฤติกรรมตลกๆ ของพระราชาริงกิตติงที่ร่าเริง จิตใจดีและติดดิน เจ้าชายอินกาพูดถึงพระองค์ได้ดีที่สุดว่า
      “ทรงมีพระทัยกรุณาและอ่อนโยนซึ่งย่อมดีกว่าการเป็นคนฉลาดยิ่งนัก”
      ช่างเรียบง่ายและเข้าท่าจริงๆ! แต่มีใครไหมที่ไม่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงทำร้ายจิตใจบุคคลที่รัก
      ซึ่งเป็นการทำลายความสงบสันติและลบล้างความดีมากมายที่เราเคยทำไว้กับพวกเขา
      ฮันนาห์ มอร์ นักเขียนชาวอังกฤษสมัยศตวรรษที่ 18 กล่าวไว้ว่า “ใจร้ายเพียงนิดคือการกระทำผิดครั้งใหญ่”
      ข่าวดีคือ ใครๆ ก็มีใจกรุณาได้ เราอาจเทศนาได้ไม่เร้าใจ ตอบคำถามยากๆ หรือประกาศกับคนหมู่มากไม่ได้ แต่เราทุกคนมีใจกรุณาได้
      อย่างไรหรือ โดยผ่านการอธิษฐาน ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้จิตใจอ่อนโยนลง “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์
      ขอรักษาประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ ขออย่าให้จิตใจข้าพระองค์เอนเอียงไปหาความชั่ว[หรือโหดร้าย]ใดๆ” (สดด.141:3-4)
      ในโลกที่ความรักเยือกเย็นลง ความกรุณาที่มาจากพระทัยพระเจ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเหลือและเยียวยาได้ดีที่สุดที่เราจะมอบให้แก่ผู้อื่นได้
      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ควรคิดก่อนพูดเสมอ
      2.คำพูดเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกันหากเราไม่คิด
      3.คำพูดความรู้สึกทุกๆอย่างปลอบประโยนได้ด้วยความกรุณาอารี
      4.ความเมตตาเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตที่เราควรมีแก่ผู้อื่น
      5.จิตใจอ่อนโยนและความเมตตาเป็นสิ่งที่เราควรมี

      ลบ
    4. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 20:59

      บทความที่ 3
      นำด้วยความรัก Leading with Love
      “แต่เพราะเห็นแก่ความรัก ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า” - ฟีเลโมน 1:9
      ในหนังสือชื่อ ผู้นำฝ่ายวิญญาณ เจ. ออสวอลด์ แซนเดอร์ ได้ศึกษาลักษณะและความสำคัญของไหวพริบและความสามารถในการเจรจา แซนเดอร์กล่าวว่า
      “เมื่อรวมสองคำนี้เข้าด้วยกัน จะกลายเป็นทักษะในการผสานมุมมองที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยไม่ทำให้บาดหมางและไม่ผิดหลักการด้วย”
      ช่วงที่เปาโลถูกขังในกรุงโรม ท่านเป็นพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณและเพื่อนรักกับโอเนสิมัส ซึ่งเป็นทาสที่หนีจากนายชื่อฟีเลโมน เมื่อเปาโลเขียนจดหมายถึงฟีเลโมน
      ผู้นำคริสตจักรในเมืองโคโลสี ขอให้รับโอเนสิมัสกลับไปในฐานะพี่น้องในพระคริสต์ ท่านใช้ไหวพริบและความสามารถในการเจรจา
      “แม้ว่าโดยพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอที่จะสั่งให้ท่านทำสิ่งที่ควรกระทำได้ แต่เพราะเห็นแก่ความรัก
      ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า…(โอเนสิมัส)เป็นที่รักมากของข้าพเจ้า แต่คงจะเป็นที่รักของท่านมากยิ่งกว่านั้นอีก
      ทั้งในฐานะเป็นคนและเป็นเพื่อนคริสตชนด้วยกัน” (ฟม.1:8-9, 16)
      เปาโลเป็นผู้นำซึ่งเป็นที่นับถือในคริสตจักรยุคแรกและมักจะสั่งสอนสาวกพระเยซูอย่างตรงไปตรงมา แต่ในกรณีนี้
      ท่านได้ขอร้องฟีเลโมน เพราะเห็นแก่ความเสมอภาค มิตรภาพ และความรัก “ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิบัติสิ่งใดลงไป
      นอกจากท่านจะเห็นชอบด้วย เพื่อว่าคุณความดีที่ท่านกระทำนั้นจะไม่เป็นการฝืนใจ แต่จะเป็นความประสงค์ของท่านด้วย” (ฟม.1:14)
      ในทุกๆ ความสัมพันธ์ของเรา ให้เราอุตส่าห์รักษาความสามัคคีและหลักการไว้อยู่ภายใต้ความรัก
      พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ในทุกๆความสัมพันธ์ ขอโปรดประทานพระคุณและสติปัญญาเพื่อให้ข้าพระองค์เป็นผู้นำ เป็นพ่อแม่ และเพื่อนที่ชาญฉลาด
      ................ ผู้นำที่รับใช้คือผู้ทำหน้าที่ผู้รับใช้ที่ดี………………….
      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนพลังในการใช้ชีวิตประจำวัน
      2.ความรักเป็นกำลังใจในการกระทำในทุกๆอย่างของเรา
      3.การนำไปซึ่งความสำเร็จล้วนมีความรักความเมตตาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จอยู่ด้วย
      4.รักเป็นเหมือนดาบสองคมมีทั้งสองด้านทั้งด้านดีและด้านเสีย
      5.เมื่อคิดจะรักต้องเข้าใจและรักด้วยเหตุผล

      บทความที่ 4.
      งดงาม Beautiful
      หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา - มาระโก 14:6 (อมตธรรม)
      นึกภาพวัยรุ่นหญิงสองคน คนแรกสุขภาพดีแข็งแรง อีกคนไม่เคยรู้จักการได้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง เธอต้องนั่งรถเข็นและ
      ไม่เพียงเจอความท้าทายทางอารมณ์เช่นคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังต้องพบความลำบากและเจ็บปวดทางร่างกายอยู่เสมอ
      แต่เด็กสาวทั้งสองคนยิ้มอย่างร่าเริงขณะอยู่ด้วยกัน วัยรุ่นงดงามสองคนที่ต่างเห็นคุณค่าของมิตรภาพในกันและกัน
      พระเยซูทรงอุทิศเวลาและสนใจคนที่เหมือนกับเด็กหญิงนั่งรถเข็นคนนั้น คนที่มีความพิการหรือความผิดปกติทางกาย
      รวมทั้งคนที่ถูกดูหมิ่นไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม พระเยซูทรงให้คนหนึ่ง “ในคนเหล่านั้น” ชโลมพระองค์ด้วยน้ำมันหอม
      สร้างความรังเกียจให้กับผู้นำศาสนา (ลก.7:39) อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหญิงคนหนึ่งสำแดงความรักคล้ายๆ กัน พระเยซูตรัสกับคนวิจารณ์ว่า
      “อย่ายุ่งกับนาง…หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา” (มก.14:6)
      พระเจ้าทรงให้คุณค่าทุกคนเท่ากัน ในสายพระเนตรพระองค์ไม่มีความแตกต่าง ในความเป็นจริง เราต่างต้องการความรักและการให้อภัยของพระคริสต์
      ความรักของพระองค์ทำให้ทรงยอมตายบนกางเขนเพื่อเรา
      ขอให้เราเห็นผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูทรงเห็น คือ ถูกสร้างตามพระฉายาและควรค่ากับความรักของพระเจ้า
      ขอให้เราปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีงามอย่างที่พระองค์ทรงเห็น
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้เราเห็นคนอื่นอย่างที่พระองค์ทรงเห็นไม่ใช่สำคัญที่ความสามารถหรือหน้าตา
      แต่เพราะพวกเขาถูกสร้างตามพระฉายาและทรงรักพวกเขามากจนยอมตายเพื่อพวกเขา
      ทุกคนที่เราพบ ต่างมีพระฉายาของพระเจ้า
      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ความสวยงามที่แท้จริงย่อมมาจากใจ
      2.สวยงามแค่ภายนอกนั้นไม่สำคัญเท่าสวยออกมาจากภายในใจ
      3.สวยงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาแต่เป็นที่มารยามและนิสัย
      4.ความสวยงามเพียงผิวเผินย่อมหมดลงรวดเร็ว
      5.เมื่อจิตใจสวยงามความรู้สึกและการกระทำที่เปล่งให้คนอื่นเห็นย่อมสวยงามเสมอ

      ลบ
    5. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 21:01

      บทความที่ 1.
      ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers

      เยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน - ยากอบ 1:27
      เสียงโทรศัพท์ของสามีฉันซึ่งเป็นผู้รับใช้ดังขึ้นกลางดึก หญิงอายุ 70 กว่าที่อยู่ตัวคนเดียวและเป็นนักอธิษฐานคนหนึ่งในคริสตจักรของเราถูกพาส่งโรงพยาบาล
      เธอป่วยถึงขั้นไม่กินไม่ดื่ม มองไม่เห็นและเดินไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเธอจะอยู่หรือจากไป เราเป็นห่วงเธอมากจึงทูลอ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยเหลือและเมตตา
      คริสตจักรริเริ่มจัดตารางเยี่ยมเธอตลอดวัน เราไม่เพียงคอยดูแลเธอเท่านั้น แต่ยังสำแดงความรักของคริสเตียนแก่คนไข้
      ผู้มาเยี่ยมและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนอื่นๆ ด้วย
      จดหมายของยากอบถึงคริสเตียนชาวยิวยุคแรก หนุนใจให้คริสตจักรดูแลคนที่ขัดสน
      ยากอบต้องการให้ผู้เชื่อไม่เพียงแค่ฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ให้สำแดงความเชื่อเป็นการปฏิบัติด้วย
      (ยก.1:22-25) เมื่อท่านกล่าวถึงเด็กกำพร้าและหญิงม่าย (ยก.1:27) ท่านหมายถึงกลุ่มคนที่อ่อนแอ เพราะในสมัยนั้นครอบครัวต้องรับผิดชอบดูแลพวกเขา
      เราจะตอบสนองต่อกลุ่มคนที่ตกอยู่ในความเสี่ยงในคริสตจักรและชุมชนของเราได้อย่างไร
      เราเห็นว่าการดูแลเด็กกำพร้าและหญิงม่ายเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกฝนความเชื่อของเราหรือไม่ ขอพระเจ้าทรงเปิดตาให้เราเห็นโอกาสที่จะรับใช้ผู้ขัดสนในทุกหนทุกแห่ง
      ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่คนเหล่านั้นที่อ่อนแอและ
      โดดเดี่ยวขอทรงช่วยเราให้รักคนของพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาเพราะเราล้วนได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์
      ความเชื่อแท้ต้องแสดงออกเป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูด

      ช้อคิดที่ได้จากบทความ

      1.เมื่อเราได้รู้ได้รับฟังในสิ่งดีๆเราควรทำตามเพื่อเป็นแบบอย่างต่อไปของคนรุ่นหลังๆ
      2.การกระทำล้วนสำคัญกว่าคำพูด
      3.ความเชื่อที่ว่าพระองค์นั้นทรงดูแลห่วงใยเป็นการกระทำที่แท้จริง
      4.การดูแลทุกสิ่งที่สำคัญล้วนเป็นผู้รับฟังและผู้ปฎิบัติที่ควรทำ
      5.พระวจนะและหลักคำสอนล้วนเป็นสิ่งที่เราควรทำตาม




      บทความที่ 2.

      มีใจกรุณาเสมอ Constant Kindness

      ท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน - เอเฟซัส 4:32
      ตอนเด็กๆ ผมเป็นแฟนตัวยงของแอล แฟรงก์ บอม ผู้เขียนหนังสือ ชุดออซดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ ไม่นานมานี้ผมไปเจอเรื่องริงกิตติง อิน ออซ
      พร้อมภาพประกอบต้นฉบับทั้งหมด ผมหัวเราะอีกครั้งกับพฤติกรรมตลกๆ ของพระราชาริงกิตติงที่ร่าเริง จิตใจดีและติดดิน เจ้าชายอินกาพูดถึงพระองค์ได้ดีที่สุดว่า
      “ทรงมีพระทัยกรุณาและอ่อนโยนซึ่งย่อมดีกว่าการเป็นคนฉลาดยิ่งนัก”
      ช่างเรียบง่ายและเข้าท่าจริงๆ! แต่มีใครไหมที่ไม่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงทำร้ายจิตใจบุคคลที่รัก
      ซึ่งเป็นการทำลายความสงบสันติและลบล้างความดีมากมายที่เราเคยทำไว้กับพวกเขา
      ฮันนาห์ มอร์ นักเขียนชาวอังกฤษสมัยศตวรรษที่ 18 กล่าวไว้ว่า “ใจร้ายเพียงนิดคือการกระทำผิดครั้งใหญ่”
      ข่าวดีคือ ใครๆ ก็มีใจกรุณาได้ เราอาจเทศนาได้ไม่เร้าใจ ตอบคำถามยากๆ หรือประกาศกับคนหมู่มากไม่ได้ แต่เราทุกคนมีใจกรุณาได้
      อย่างไรหรือ โดยผ่านการอธิษฐาน ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้จิตใจอ่อนโยนลง “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์
      ขอรักษาประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ ขออย่าให้จิตใจข้าพระองค์เอนเอียงไปหาความชั่ว[หรือโหดร้าย]ใดๆ” (สดด.141:3-4)
      ในโลกที่ความรักเยือกเย็นลง ความกรุณาที่มาจากพระทัยพระเจ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเหลือและเยียวยาได้ดีที่สุดที่เราจะมอบให้แก่ผู้อื่นได้

      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ควรคิดก่อนพูดเสมอ
      2.คำพูดเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกันหากเราไม่คิด
      3.คำพูดความรู้สึกทุกๆอย่างปลอบประโยนได้ด้วยความกรุณาอารี
      4.ความเมตตาเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตที่เราควรมีแก่ผู้อื่น
      5.จิตใจอ่อนโยนและความเมตตาเป็นสิ่งที่เราควรมี

      ลบ
    6. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 21:06

      บทความที่ 3

      นำด้วยความรัก Leading with Love


      “แต่เพราะเห็นแก่ความรัก ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า” - ฟีเลโมน 1:9
      ในหนังสือชื่อ ผู้นำฝ่ายวิญญาณ เจ. ออสวอลด์ แซนเดอร์ ได้ศึกษาลักษณะและความสำคัญของไหวพริบและความสามารถในการเจรจา แซนเดอร์กล่าวว่า
      “เมื่อรวมสองคำนี้เข้าด้วยกัน จะกลายเป็นทักษะในการผสานมุมมองที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยไม่ทำให้บาดหมางและไม่ผิดหลักการด้วย”
      ช่วงที่เปาโลถูกขังในกรุงโรม ท่านเป็นพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณและเพื่อนรักกับโอเนสิมัส ซึ่งเป็นทาสที่หนีจากนายชื่อฟีเลโมน เมื่อเปาโลเขียนจดหมายถึงฟีเลโมน
      ผู้นำคริสตจักรในเมืองโคโลสี ขอให้รับโอเนสิมัสกลับไปในฐานะพี่น้องในพระคริสต์ ท่านใช้ไหวพริบและความสามารถในการเจรจา
      “แม้ว่าโดยพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอที่จะสั่งให้ท่านทำสิ่งที่ควรกระทำได้ แต่เพราะเห็นแก่ความรัก
      ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า…(โอเนสิมัส)เป็นที่รักมากของข้าพเจ้า แต่คงจะเป็นที่รักของท่านมากยิ่งกว่านั้นอีก
      ทั้งในฐานะเป็นคนและเป็นเพื่อนคริสตชนด้วยกัน” (ฟม.1:8-9, 16)
      เปาโลเป็นผู้นำซึ่งเป็นที่นับถือในคริสตจักรยุคแรกและมักจะสั่งสอนสาวกพระเยซูอย่างตรงไปตรงมา แต่ในกรณีนี้
      ท่านได้ขอร้องฟีเลโมน เพราะเห็นแก่ความเสมอภาค มิตรภาพ และความรัก “ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิบัติสิ่งใดลงไป
      นอกจากท่านจะเห็นชอบด้วย เพื่อว่าคุณความดีที่ท่านกระทำนั้นจะไม่เป็นการฝืนใจ แต่จะเป็นความประสงค์ของท่านด้วย” (ฟม.1:14)
      ในทุกๆ ความสัมพันธ์ของเรา ให้เราอุตส่าห์รักษาความสามัคคีและหลักการไว้อยู่ภายใต้ความรัก
      พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ในทุกๆความสัมพันธ์ ขอโปรดประทานพระคุณและสติปัญญาเพื่อให้ข้าพระองค์เป็นผู้นำ เป็นพ่อแม่ และเพื่อนที่ชาญฉลาด
      ................ ผู้นำที่รับใช้คือผู้ทำหน้าที่ผู้รับใช้ที่ดี………………….

      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนพลังในการใช้ชีวิตประจำวัน
      2.ความรักเป็นกำลังใจในการกระทำในทุกๆอย่างของเรา
      3.การนำไปซึ่งความสำเร็จล้วนมีความรักความเมตตาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จอยู่ด้วย
      4.รักเป็นเหมือนดาบสองคมมีทั้งสองด้านทั้งด้านดีและด้านเสีย
      5.เมื่อคิดจะรักต้องเข้าใจและรักด้วยเหตุผล


      บทความที่ 4.

      งดงาม Beautiful

      หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา - มาระโก 14:6 (อมตธรรม)
      นึกภาพวัยรุ่นหญิงสองคน คนแรกสุขภาพดีแข็งแรง อีกคนไม่เคยรู้จักการได้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง เธอต้องนั่งรถเข็นและ
      ไม่เพียงเจอความท้าทายทางอารมณ์เช่นคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังต้องพบความลำบากและเจ็บปวดทางร่างกายอยู่เสมอ
      แต่เด็กสาวทั้งสองคนยิ้มอย่างร่าเริงขณะอยู่ด้วยกัน วัยรุ่นงดงามสองคนที่ต่างเห็นคุณค่าของมิตรภาพในกันและกัน
      พระเยซูทรงอุทิศเวลาและสนใจคนที่เหมือนกับเด็กหญิงนั่งรถเข็นคนนั้น คนที่มีความพิการหรือความผิดปกติทางกาย
      รวมทั้งคนที่ถูกดูหมิ่นไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม พระเยซูทรงให้คนหนึ่ง “ในคนเหล่านั้น” ชโลมพระองค์ด้วยน้ำมันหอม
      สร้างความรังเกียจให้กับผู้นำศาสนา (ลก.7:39) อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหญิงคนหนึ่งสำแดงความรักคล้ายๆ กัน พระเยซูตรัสกับคนวิจารณ์ว่า
      “อย่ายุ่งกับนาง…หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา” (มก.14:6)
      พระเจ้าทรงให้คุณค่าทุกคนเท่ากัน ในสายพระเนตรพระองค์ไม่มีความแตกต่าง ในความเป็นจริง เราต่างต้องการความรักและการให้อภัยของพระคริสต์
      ความรักของพระองค์ทำให้ทรงยอมตายบนกางเขนเพื่อเรา
      ขอให้เราเห็นผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูทรงเห็น คือ ถูกสร้างตามพระฉายาและควรค่ากับความรักของพระเจ้า
      ขอให้เราปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีงามอย่างที่พระองค์ทรงเห็น
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้เราเห็นคนอื่นอย่างที่พระองค์ทรงเห็นไม่ใช่สำคัญที่ความสามารถหรือหน้าตา
      แต่เพราะพวกเขาถูกสร้างตามพระฉายาและทรงรักพวกเขามากจนยอมตายเพื่อพวกเขา
      ทุกคนที่เราพบ ต่างมีพระฉายาของพระเจ้า

      ข้อคิดที่ได้จากบทความ
      1.ความสวยงามที่แท้จริงย่อมมาจากใจ
      2.สวยงามแค่ภายนอกนั้นไม่สำคัญเท่าสวยออกมาจากภายในใจ
      3.สวยงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาแต่เป็นที่มารยามและนิสัย
      4.ความสวยงามเพียงผิวเผินย่อมหมดลงรวดเร็ว
      5.เมื่อจิตใจสวยงามความรู้สึกและการกระทำที่เปล่งให้คนอื่นเห็นย่อมสวยงามเสมอ

      ลบ
  19. มอบหมายงานนักศึกษา 580140 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ5 ธันวาคม 2559 เวลา 20:56

      580140

      บทความที่1

      >>หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา - มาระโก 14:6 (อมตธรรม)
      นึกภาพวัยรุ่นหญิงสองคน คนแรกสุขภาพดีแข็งแรง อีกคนไม่เคยรู้จักการได้ไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง เธอต้องนั่งรถเข็นและไม่เพียงเจอความท้าทายทางอารมณ์เช่นคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังต้องพบความลำบากและเจ็บปวดทางร่างกายอยู่เสมอ
      แต่เด็กสาวทั้งสองคนยิ้มอย่างร่าเริงขณะอยู่ด้วยกัน วัยรุ่นงดงามสองคนที่ต่างเห็นคุณค่าของมิตรภาพในกันและกัน
      พระเยซูทรงอุทิศเวลาและสนใจคนที่เหมือนกับเด็กหญิงนั่งรถเข็นคนนั้น คนที่มีความพิการหรือความผิดปกติทางกาย รวมทั้งคนที่ถูกดูหมิ่นไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม พระเยซูทรงให้คนหนึ่ง “ในคนเหล่านั้น” ชโลมพระองค์ด้วยน้ำมันหอม สร้างความรังเกียจให้กับผู้นำศาสนา (ลก.7:39) อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหญิงคนหนึ่งสำแดงความรักคล้ายๆ กัน พระเยซูตรัสกับคนวิจารณ์ว่า “อย่ายุ่งกับนาง…หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา” (มก.14:6)
      พระเจ้าทรงให้คุณค่าทุกคนเท่ากัน ในสายพระเนตรพระองค์ไม่มีความแตกต่าง ในความเป็นจริง เราต่างต้องการความรักและการให้อภัยของพระคริสต์ ความรักของพระองค์ทำให้ทรงยอมตายบนกางเขนเพื่อเรา
      ขอให้เราเห็นผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูทรงเห็น คือ ถูกสร้างตามพระฉายาและควรค่ากับความรักของพระเจ้า ขอให้เราปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีงามอย่างที่พระองค์ทรงเห็น
      ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้เราเห็นคนอื่นอย่างที่พระองค์ทรงเห็นไม่ใช่สำคัญที่ความสามารถหรือหน้าตา แต่เพราะพวกเขาถูกสร้างตามพระฉายาและทรงรักพวกเขามากจนยอมตายเพื่อพวกเขา
      ทุกคนที่เราพบ ต่างมีพระฉายาของพระเจ้า
      >>ข้อคิด
      1.มนุษย์มีสิทธิเท่าเทียมกัน
      2.อย่าตัดสินคนที่ภายนอก
      3.ร่างกายของคนเราไม่เป็นอุปสรรคต่อความสุขและจิตใจ
      4.คนเราล้วนแต่ต้องการความรักและการให้อภัยทุกคน
      5.เราควรปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันและเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีงามของเพื่อนมนุษย์


      บทความที่ 2

      >>พระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายจริงๆ ว่าหญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้ (ลูกา 21:3)
      เมื่อสี่สิบปีก่อนขณะที่ดิฉันอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้รู้จักองค์กรหนึ่งที่ช่วยเหลือ
      เด็กยากจนทั่วโลก แต่ดิฉันเป็นแม่หม้ายมีลูกติดสามคนและยากจนเกินไปไม่สามารถ
      บริจาคอะไรได้พอถึงปีค.ศ. 1976 พระเจ้าทรงเรียกดิฉันกลับมาเป็นครูสอนพระคัมภีร์
      ที่ไอซแลนด์แต่ก็ยังยากจนอยู่แต่ในปีค.ศ. 1978 พระเจ้าทรงช่วยดิฉันให้สามารถ
      เป็นผู้อุปการะเด็กทั่วโลกได้เด็กคนแรกที่เราอุปการะเป็นเด็กหญิงจากประเทศอินเดีย
      นับตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็อุปการะเด็กในประเทศเม็กซิโก ฮอนดูรัส กัวเตมาลา รวันดา
      บาร์บาโดส ไทย รวมทั้งเด็กชาวอินเดียนพื้นเมืองในเขตสงวนของอเมริกาด้วย
      ถึงดิฉันจะอายุ 77 ปีก็ยังอุปการะเด็กสี่คนได้ ทั้งๆ ที่ดิฉันรับเบี้ยยังชีพสำหรับ
      คนพิการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1985 พระเยซูทรงสอนไว้ในข้อพระคัมภีร์สำหรับอ่านวันนี้ให้
      รู้ว่าพระเจ้ามิได้ทรงเห็นว่าจำนวนเงินเป็นเรื่องใหญ่แต่ที่สำคัญก็คือการถวายด้วยใจ
      เอื้อเฟื้อต่างหาก การถวายเล็กๆ น้อยๆ ของดิฉันช่วยเด็กสองคนที่อูกันดาได้ตลอด
      เดือน ดิฉันบริจาคเท่าที่พอทำได้และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความยินดีที่ได้รับจาก
      การช่วยเหลือเด็กสองคนนี้.
      ข้อคิดสำหรับวันนี้=พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้
      อธิษฐาน =ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลาย
      ลืมคนอดอยากในโลก แต่ขอทรงช่วยให้ระลึกว่า แม้
      จะบริจาคได้แค่เล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่าง
      อย่างสำคัญได้ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
      >>ข้อคิด
      1.มนุษย์ควรมีจิตใจที่โอบอ้อมอารีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
      2.การให้โอกาสคนสามารถทำให้เขามีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป
      3.เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญต่อชีวิต แต่การเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ต่างหากที่สำคัญ
      4.การที่เราให้สิ่งเล็กๆน้อยๆของเรา แต่มันคือสิ่งที่มีค่าต่ออีกหลายคน
      5.ต่อให้เราจะอายุมาก เงินเบี้ยยังชีพน้อย แต่ถ้าเราอยากให้ด้วยใจก็ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค

      ลบ
    2. 580140 อ่านแล้ว OK ครับ GOD BLESS U:

      ลบ
  20. มอบหมายงานนักศึกษา 580246 อ่านบทความ 3 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 15 ข้อ (บทความละ 5 ข้อ)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 13:26

      รหัส 580246 นางสาวปรัชภณ์ สุนทรวรฉัตร
      บทความที่ 1 ใจกัน พร้อม All Together Now
      ขณะนิโคลัสเทย์เลอร์ ขึ้นรถไฟในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ขาของเขาไปติดอยู่ระหว่างชานชาลากับขบวนรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเขาออกมาไม่ได้ จึงขอให้ผู้โดยสารราว 50ค นยืนเรียงแถว ช่วยกันดันรถไฟเมื่อนับถึงสาม การร่วมมือกันทำให้ดันรถไฟขึ้นพอที่ขาของเขาจะหลุดออกมาได้
      ข้อคิดที่ได้
      1 การมีความรักความสามัคคี
      2 การรู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
      3 การมีความระมัดระวังความปลอดภัย ไม่ประมาท
      4 การมีน้ำใจ การให้และแบ่งปัน
      5 การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม
      บทความที่ 2 สติปัญญาและพระคุณ Wisdom and Grace
      “สติปัญญาจากพระคุณอันน่าเกรงขามของพระเจ้า” หมายความว่าพระคุณของพระเจ้าเติมเต็มเราด้วยความยำเกรงและเพิ่มพูนสติปัญญา ให้กับเราในช่วงชีวิตที่ยากลำบากที่สุด
      ข้อคิดที่ได้
      1 เมื่อมีสติ ก็จะมีสิ่งดีๆ ตามมา
      2 สติปัญญาของมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญู
      3 ถ้าไม่มีสติ ก็จะทำให้เกิดปัญหา เพราะควบคุมสติตัวเองไม่ได้
      4 แก้ปัญหาโดยใช้สติปัญญา แล้วปัญหาต่างๆ จะผ่านไปด้วยดี
      5 การมองโลกในแง่ดี
      บทความที่ 3 รักไร้พรมแดน Love Without Borders
      มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงที่เสี่ยงชีวิตไปช่วย
      ข้อคิดที่ได้
      1 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
      2 มีเพียงแสงแห่งความรักของพระคริสต์ที่จะขจัดความเกลียดชังอันมืดมนได้
      3 ทำให้เราเห็นความรักที่อยู่เหนือเชื้อชาติหรือวัฒนธรรม การเสียสละของพวกเขาทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด
      4 ผู้ที่เสียสละตัวตนได้อย่างแท้จริง คือผู้ที่มีรักแท้ ยอมไม่หลงเสพหลงสุข เพราะรู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นคือทุกข์อย่างมหันต์ ยอมไม่ครอบครองเพราะรู้ดีว่าจะกลายเป็นทุกข์ของกันและกัน ยอมไม่ผูกมัดใดๆ เพราะรู้ว่าอิสระคือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่า
      5 รักแท้คือการเสียสละ

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ10 ธันวาคม 2559 เวลา 13:30

      รหัส 580246
      บทความที่ 1 ใจกัน พร้อม All Together Now
      ขณะนิโคลัสเทย์เลอร์ ขึ้นรถไฟในเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ขาของเขาไปติดอยู่ระหว่างชานชาลากับขบวนรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเขาออกมาไม่ได้ จึงขอให้ผู้โดยสารราว 50ค นยืนเรียงแถว ช่วยกันดันรถไฟเมื่อนับถึงสาม การร่วมมือกันทำให้ดันรถไฟขึ้นพอที่ขาของเขาจะหลุดออกมาได้
      ข้อคิดที่ได้
      1 การมีความรักความสามัคคี
      2 การรู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
      3 การมีความระมัดระวังความปลอดภัย ไม่ประมาท
      4 การมีน้ำใจ การให้และแบ่งปัน
      5 การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม
      บทความที่ 2 สติปัญญาและพระคุณ Wisdom and Grace
      “สติปัญญาจากพระคุณอันน่าเกรงขามของพระเจ้า” หมายความว่าพระคุณของพระเจ้าเติมเต็มเราด้วยความยำเกรงและเพิ่มพูนสติปัญญา ให้กับเราในช่วงชีวิตที่ยากลำบากที่สุด
      ข้อคิดที่ได้
      1 เมื่อมีสติ ก็จะมีสิ่งดีๆ ตามมา
      2 สติปัญญาของมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญู
      3 ถ้าไม่มีสติ ก็จะทำให้เกิดปัญหา เพราะควบคุมสติตัวเองไม่ได้
      4 แก้ปัญหาโดยใช้สติปัญญา แล้วปัญหาต่างๆ จะผ่านไปด้วยดี
      5 การมองโลกในแง่ดี
      บทความที่ 3 รักไร้พรมแดน Love Without Borders
      มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงที่เสี่ยงชีวิตไปช่วย
      ข้อคิดที่ได้
      1 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
      2 มีเพียงแสงแห่งความรักของพระคริสต์ที่จะขจัดความเกลียดชังอันมืดมนได้
      3 ทำให้เราเห็นความรักที่อยู่เหนือเชื้อชาติหรือวัฒนธรรม การเสียสละของพวกเขาทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด
      4 ผู้ที่เสียสละตัวตนได้อย่างแท้จริง คือผู้ที่มีรักแท้ ยอมไม่หลงเสพหลงสุข เพราะรู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นคือทุกข์อย่างมหันต์ ยอมไม่ครอบครองเพราะรู้ดีว่าจะกลายเป็นทุกข์ของกันและกัน ยอมไม่ผูกมัดใดๆ เพราะรู้ว่าอิสระคือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่า
      5 รักแท้คือการเสียสละ

      ลบ
  21. มอบหมายงานนักศึกษา 580211 อ่านบทความ 2 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 10 ข้อ (บทความละ 5 ข้อ)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ11 ธันวาคม 2559 เวลา 11:33

      580211 นางสาวปิยธิดา แก้วพิลา
      เรื่องที่ 82 ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers
      ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่คนเหล่านั้นที่อ่อนแอและโดดเดี่ยวขอทรงช่วยเราให้รักคนของพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาเพราะเราล้วนได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ ความเชื่อแท้ต้องแสดงออกเป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูด
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
      1. การช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
      2. การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
      3. ความรักและความเชื่อใจ
      4. การดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น ไม่ว่าจะมีหรือจน
      5. ความเมตตา

      เรื่องที่ 89 บาดแผลจากเพื่อน Wounds from a Friend
      พระเยซูทำยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงอดทนกับความเจ็บปวดที่ถูกเราปฏิเสธ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เราตระหนักความจริงเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้น แต่ทั้งยังเพื่อสำแดงให้เห็นว่าเราเป็นที่รักยิ่งเพียงใด
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
      1. อย่ากลัวการที่พูดตรงไปตรงมา
      2. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
      3. คิดก่อนพูดเพื่อไม่ทำลายความรู้สึกผู้อื่น
      4. ความรักของมิตรแท้
      5. จงฟังคำเตือนของคนที่รักเรา

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ11 ธันวาคม 2559 เวลา 16:14

      580211 นางสาวปิยธิดา แก้วพิลา
      เรื่องที่ 82 ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers
      ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่คนเหล่านั้นที่อ่อนแอและโดดเดี่ยวขอทรงช่วยเราให้รักคนของพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาเพราะเราล้วนได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ ความเชื่อแท้ต้องแสดงออกเป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูด
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
      1. การช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
      2. การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
      3. ความรักและความเชื่อใจ
      4. การดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น ไม่ว่าจะมีหรือจน
      5. ความเมตตา

      เรื่องที่ 89 บาดแผลจากเพื่อน Wounds from a Friend
      พระเยซูทำยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงอดทนกับความเจ็บปวดที่ถูกเราปฏิเสธ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เราตระหนักความจริงเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้น แต่ทั้งยังเพื่อสำแดงให้เห็นว่าเราเป็นที่รักยิ่งเพียงใด
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
      1. อย่ากลัวการที่พูดตรงไปตรงมา
      2. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
      3. คิดก่อนพูดเพื่อไม่ทำลายความรู้สึกผู้อื่น
      4. ความรักของมิตรแท้
      5. จงฟังคำเตือนของคนที่รักเรา

      ลบ
    3. ไม่ระบุชื่อ11 ธันวาคม 2559 เวลา 16:19

      580211 นางสาวปิยธิดา แก้วพิลา
      เรื่องที่ 82 ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers
      ข้าแต่พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่คนเหล่านั้นที่อ่อนแอและโดดเดี่ยวขอทรงช่วยเราให้รักคนของพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาเพราะเราล้วนได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ ความเชื่อแท้ต้องแสดงออกเป็นการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูด
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
      1. การช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
      2. การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
      3. ความรักและความเชื่อใจ
      4. การดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น ไม่ว่าจะมีหรือจน
      5. ความเมตตา

      เรื่องที่ 89 บาดแผลจากเพื่อน Wounds from a Friend
      พระเยซูทำยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงอดทนกับความเจ็บปวดที่ถูกเราปฏิเสธ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เราตระหนักความจริงเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้น แต่ทั้งยังเพื่อสำแดงให้เห็นว่าเราเป็นที่รักยิ่งเพียงใด
      ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
      1. อย่ากลัวการที่พูดตรงไปตรงมา
      2. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
      3. คิดก่อนพูดเพื่อไม่ทำลายความรู้สึกผู้อื่น
      4. ความรักของมิตรแท้
      5. จงฟังคำเตือนของคนที่รักเรา

      ลบ
  22. มอบหมายงานนักศึกษา 580005 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ12 ธันวาคม 2559 เวลา 10:19

      580005 นางสาว ปาริชาติ ศรีเสริม
      บทความเรื่อง ของเหลือทิ้งที่มีประโยชน์
      ในปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก พร้อมกันนั้นโลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เพราะมนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรจะหมดหรือสูญหายไปจากโลกนี้ เศษกระดาษหรือสิ่งที่เราไม่ใช้แล้วหลายคนๆคิดว่าเป็นขยะใช้งานไม่ได้ มองข้ามไป โดยไม่รู้ว่าสักวันนึงเราจะได้พึ่งมัน ถึงแม้จะเป็นเศษขยะแต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างงดงามดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของประดับตกแต่ง และของใช้ต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการนำเศษสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนการทิ้งให้สูญเปล่าข้อคิด
      ข้อคิด
      1 เราไม่ควรใช้ของอย่างฟุ่มเฟือย
      2 ควรคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ
      3 สิ่งของที่ไม่ได้ใช้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ รีไซเคิล
      4 จากสิ่งของที่ไม่ได้ใช้สามารถนำกลับมาเป็นสิ่งประดิษฐได้
      5 เราควรจะช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมคนละไม้ละมือจะทำให้ธรรมชาติของเรากลับมาดีเหมือนเดิม

      ลบ
    2. 580005 นางสาว ปาริชาติ ศรีเสริม
      วันที่ 3/10/59 บทความเรื่อง ของเหลือทิ้งที่มีประโยชน์
      ในปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก พร้อมกันนั้นโลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เพราะมนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรจะหมดหรือสูญหายไปจากโลกนี้ เศษกระดาษหรือสิ่งที่เราไม่ใช้แล้วหลายคนๆคิดว่าเป็นขยะใช้งานไม่ได้ มองข้ามไป โดยไม่รู้ว่าสักวันนึงเราจะได้พึ่งมัน ถึงแม้จะเป็นเศษขยะแต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างงดงามดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของประดับตกแต่ง และของใช้ต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการนำเศษสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนการทิ้งให้สูญเปล่า
      1 ควรใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
      2 นำสิ่งที่ไม่ใช้แล้วมาประยุคใหม่ได้
      3 สามารถนำมาประดิษฐ์ตกแต่งได้
      4 สร้างความรู้และถือว่าเป็นกำไรตนเอง
      5 ลดการซื้อของตกแต่งบ้านโดนการทำเองได้

      ลบ
  23. มอบหมายงานนักศึกษา 580011 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. 580011 น.ส.นิศากร แตงทอง
      วันที่ 12/12/59 บทความเรื่อง อยากเปลี่ยน DESIRE TO CHANGE
      เคยไหมที่เราไม่เห็นด้วยกับคนอื่นและคิดไปกับคำกล่าวหาว่าเขา เป็นฝ่ายผิดโดยที่ยังไม่ทราบข้อมูลที่เป็นความจริงของอีกฝ่าย ซึ่งนิสัยของมนุษย์แท้จริงแล้วในการกล่าวนินทาผู้อื่นส่วนมากจะพุดแต่เรื่องร้ายๆให้ฝ่ายตรงข้ามเสมอโดยตัวเองก็มีส่วนผิดแต่กลับปกปิดไว้ให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นเห็นใจและและอยู่ฝ่ายตนเอง ถ้ามนุษย์รู้จักขอบกพร่องของตัวเอง รู้จักแก้ไขตนเองหรือยอมแก้ไขข้อผิดพลาด พูดความจริง ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา และการถามหาความจริงไม่ควรใช้อารมณ์รุนแรงเกินไปเพราะจากการที่จะไม่ได้เรื่องแล้วยังไม่ทราบเหตุความเป็นจริงอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อน สิ่งเหล่านั้นก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจและกล้าเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

      1อย่าพูดว่าร้ายให้คนอื่นทั้งที่ตนเองก็ยังดีไม่พอ
      2การใช้อารมณ์รุนแรงเกินไปยังไม่ได้ทำให้ใครเข้าใจมากขึ้นยิ่งทำไม่ทราบความเป็นจริงอีกด้วย
      3การว่าร้ายให้คนอื่นไม่ได้ทำให้เรามีความสุข และยังทำให้คนอื่นทุกข์อีกด้วย
      4ก่อนจะพูดไรไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ให้คิดให้ดีๆสะก่อน
      5คนเราจะอยู่ด้วยกันได้ ต้องไม่นินทาว่าร้ายกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

      ลบ
  24. มอบหมายงานนักศึกษา 580079 อ่านบทความ 1 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 5 ข้อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2559 เวลา 13:43

      วันที่ 9/12/59 เรื่อง ขอเพียงให้รู้เรื่องจริงๆ
      สิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์บางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป บางครั้ง เราอาจคิดถูก บางครั้งเราอาจคิดผิด มันคือความไม่แน่นอนกี่ครั้งแล้วที่เราด่วนสรุปเรื่องแบบผิดๆ เพราะไม่ได้รับข้อเท็จจริงทั้งหมด
      บ่อยแค่ไหนที่เราคิดถึงเรื่องของคนอื่น แบบให้ร้ายป้ายสีแทนที่เราจะกล่าวร้ายผู้อื่น
      เราน่าจะชื่นชมความดีของพระเจ้าและเริ่มเรียนวิธีแบ่งปันพระคุณของพระองค์แก่ผู้อื่น
      ในยามที่พวกเขาต้องการ

      ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
      1.ก่อนจะตัดสินว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด เราควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน
      2.ไม่คิดเอง เออเอง
      3.ไม่กล่าวหาผู้อื่นแบเสียๆ หายๆ
      4.ควรจะมองคนอื่นในแง่ที่ดี ไม่มีอคติต่อกัน
      5.มีความยินดี ในสิงดีดีที่เพื่อนมนุษย์ทำ

      ลบ
    2. 580079 อ่านแล้ว OK ครับ GOD BLESS U:

      ลบ
  25. มอบหมายงานนักศึกษา 580132 อ่านบทความ 4 บทความ แล้วสรุปข้อคิดจำนวน 20 ข้อ (บทความละ 5 ข้อ)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ22 ธันวาคม 2559 เวลา 22:18

      580132 นางสาวณัฐฐา พินสุบิน

      บทความที่ 1 หัวข้อที่ 26 สนิทกัน

      แม้จะไม่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ เราแต่ละคนก็สามารถพบพี่น้องหญิง
      ชายที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้รักได้การเดินทางไปทำพันธกิจตามสถานที่ต่างๆ เพื่อ
      เลี้ยงอาหาร เยี่ยมเยียนคนเจ็บป่วยหรือคนชรา และอื่นๆ ช่วยให้เราผู้เป็นร่างกาย
      ของพระคริสต์ได้สนิทสนมกับคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนแปลกหน้า
      อธิษฐานข้าแต่พระเจ้าโปรดช่วยให้รู้ว่าข้าพระองค์ทั้งหลายเกี่ยวโยงกับทุกคนใน
      พระกายของพระคริสต์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
      เป้าหมายของคำอธิษฐาน : คริสเตียนทั่วโลก

      ข้อคิดที่ได้
      1.ถึงแม้ว่าไม่มีโอกาส แต่ก็สามารถทำความดีได้
      2.ความดีที่แท้จริงย่อมมาจากใจ
      3.มีความเมตตา
      4.ยิมดีมิตร
      5.จิตใจอ่นโยนโอบอ้อมอารีมักได้มิตรที่ดี

      บทความที่2 หัวข้อที่ 48 ให้ด้วยใจ

      พระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายจริงๆ ว่าหญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้
      เมื่อสี่สิบปีก่อนขณะที่ดิฉันอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้รู้จักองค์กรหนึ่งที่ช่วยเหลือเด็กยากจนทั่วโลก แต่ดิฉันเป็นแม่หม้ายมีลูกติดสามคนและยากจนเกินไปไม่สามารถบริจาคอะไรได้พอถึงปีค.ศ. 1976 พระเจ้าทรงเรียกดิฉันกลับมาเป็นครูสอนพระคัมภีร์ที่ไอซแลนด์แต่ก็ยังยากจนอยู่แต่ในปีค.ศ. 1978 พระเจ้าทรงช่วยดิฉันให้สามารถเป็นผู้อุปการะเด็กทั่วโลกได้เด็กคนแรกที่เราอุปการะเป็นเด็กหญิงจากประเทศอินเดีย
      นับตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็อุปการะเด็กในประเทศเม็กซิโก ฮอนดูรัส กัวเตมาลา รวันดาบาร์บาโดส ไทย รวมทั้งเด็กชาวอินเดียนพื้นเมืองในเขตสงวนของอเมริกาด้วย

      ข้อคิดที่ได้
      1.พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้
      2.ความยินดีที่ได้รับจากการช่วยเหลือ
      3.พระเจ้าทรงช่วยดิฉันให้สามารถเป็นผู้อุปการะเด็กทั่วโลก
      4.พระเยซูทรงสอนไว้ในข้อพระคัมภีร์สำหรับอ่านวันนี้ให้
      รู้ว่าพระเจ้ามิได้ทรงเห็นว่าจำนวนเงินเป็นเรื่องใหญ่แต่ที่สำคัญก็คือการถวายด้วยใจ
      เอื้อเฟื้อ
      5.แม้จะบริจาคได้แค่เล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างสำคัญได้ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า

      บทความสที่ 3 หัวข้อที่ 34 ตื่นอยู่

      เครื่องของเรากำลังบินผ่านกลุ่มเมฆ สักครู่นักบินก็ประกาศว่าเพราะสภาพอากาศ
      เลวร้ายเครื่องบินอาจจะตกหลุมอากาศ แต่ไม่ต้องตกใจ ถึงจะอย่างนั้นระหว่างบินดิฉัน
      ก็ไม่ค่อยกลัวนัก จึงเอนหลังและหลับตาทันใดนั้น ข้อพระคัมภีร์ที่อ่านวันนี้ก็ดัง
      ก้องอยู่ในหูทำให้ดิฉันรู้สึกแปลกๆ ใช่แล้วเป็นเพราะพระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยนั่นเองทำให้รู้สึกสบายใจและมีชีวิตชีวา

      ข้อคิดที่ได้
      1.เราต้องมีความระมัดระวัง
      2.เราต้องไม่มีความกลัวเเละต้องกล้าหาญ
      3.เราวางใจได้เพราะพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ผู้ทรงสร้างของเรา
      และนักบินทั่วโลกไม่ทรงหลับสนิทหรือนิทรา
      4.ควรมีสิ
      5.แม้เมื่อหนทางเห็นได้ไม่ชัดนัก พระเจ้าก็ทรง
      นำหน้าเราด้วยความซื่อสัตย์

      บทความที่4 หัวข้อที่ 85.มีใจกรุณาเสมอ

      ในโลกที่ความรักเยือกเย็นลง ความกรุณาที่มาจากพระทัยพระเจ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเหลือและเยียวยาได้ดีที่สุดที่เราจะมอบให้แก่ผู้อื่นได้ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอภัยที่ข้าพระองค์แสดงอารมณ์โกรธ ขอทรงช่วยให้จิตใจข้าพระองค์อ่อนโยนลงและใช้คำพูดเพื่อหนุนใจผู้อื่นการรู้ว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเกินกว่าจะวัดได้ จะทำให้เราก้าวออกไปรักผู้อื่นในแบบเดียวกัน

      ข้อคิดที่ได้
      1.มีใจกรุณา
      2.ใจร้ายเพียงนิดคือการกระทำผิดครั้งใหญ่
      3.มีใจกรุณาและอ่อนโยนซึ่งย่อมดีกว่าการเป็นคนฉลาดยิ่ง
      4.ความมีน้ำใจที่มาจากหัวใจของพระเจ้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดและการรักษาที่เราสามารถนำเสนอให้กับผู้อื่น
      5.ความเหี้ยมโหดขนาดเล็กเป็นความผิดที่ดี

      ลบ
  26. 580026 นางสาว จิณห์วรา ศรีธร บทความเรียบร้อยครับ^^
    บทความที่ 1.
    ผู้ฟังกับผู้ประพฤติตาม Listeners and Doers
    ช้อคิดที่ได้จากบทความ
    1.เมื่อเราได้รู้ได้รับฟังในสิ่งดีๆเราควรทำตามเพื่อเป็นแบบอย่างต่อไปของคนรุ่นหลังๆ
    2.การกระทำล้วนสำคัญกว่าคำพูด
    3.ความเชื่อที่ว่าพระองค์นั้นทรงดูแลห่วงใยเป็นการกระทำที่แท้จริง
    4.การดูแลทุกสิ่งที่สำคัญล้วนเป็นผู้รับฟังและผู้ปฎิบัติที่ควรทำ
    5.พระวจนะและหลักคำสอนล้วนเป็นสิ่งที่เราควรทำตาม
    บทความที่ 2.
    มีใจกรุณาเสมอ Constant Kindness
    ข้อคิดที่ได้จากบทความ
    1.ควรคิดก่อนพูดเสมอ
    2.คำพูดเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกันหากเราไม่คิด
    3.คำพูดความรู้สึกทุกๆอย่างปลอบประโยนได้ด้วยความกรุณาอารี
    4.ความเมตตาเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตที่เราควรมีแก่ผู้อื่น
    5.จิตใจอ่อนโยนและความเมตตาเป็นสิ่งที่เราควรมี
    บทความที่ 3
    นำด้วยความรัก Leading with Love
    ข้อคิดที่ได้จากบทความ
    1.ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนพลังในการใช้ชีวิตประจำวัน
    2.ความรักเป็นกำลังใจในการกระทำในทุกๆอย่างของเรา
    3.การนำไปซึ่งความสำเร็จล้วนมีความรักความเมตตาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จอยู่ด้วย
    4.รักเป็นเหมือนดาบสองคมมีทั้งสองด้านทั้งด้านดีและด้านเสีย
    5.เมื่อคิดจะรักต้องเข้าใจและรักด้วยเหตุผล
    บทความที่ 4.
    งดงาม Beautiful
    ข้อคิดที่ได้จากบทความ
    1.ความสวยงามที่แท้จริงย่อมมาจากใจ
    2.สวยงามแค่ภายนอกนั้นไม่สำคัญเท่าสวยออกมาจากภายในใจ
    3.สวยงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาแต่เป็นที่มารยามและนิสัย
    4.ความสวยงามเพียงผิวเผินย่อมหมดลงรวดเร็ว
    5.เมื่อจิตใจสวยงามความรู้สึกและการกระทำที่เปล่งให้คนอื่นเห็นย่อมสวยงามเสมอ

    ตอบลบ