วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แหวนตรา Signet Ring

เราจะกระทำเจ้าให้เป็นดังแหวนตรา เพราะเราได้เลือกสรรเจ้าแล้วพระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ - ฮักกัย 2:23
ตอนทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่จากต่างประเทศเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตว่าภาษาอังกฤษของเขาสละสลวยและเขาสวมแหวนที่นิ้วก้อย ต่อมาฉันได้รู้ว่านั้นไม่ใช่แค่เครื่องประดับ แต่เป็นเครื่องแสดงถึงประวัติครอบครัวโดยตราประจำตระกูลบนแหวนนั้น
อาจเหมือนแหวนตราในหนังสือฮักกัย ผู้เผยพระวจนะฮักกัยเรียกร้องให้ประชากรของพระเจ้าเริ่มต้นสร้างพระวิหารขึ้นอีกครั้ง พวกเขาเคยถูกเนรเทศไปและได้กลับมายังแผ่นดินเกิดและเริ่มสร้างเมืองขึ้นใหม่ แต่การขัดขวางของศัตรูทำให้งานหยุดชะงัก ฮักกัยกล่าวถึงพระสัญญาของพระเจ้าต่อเศรุบบาเบลผู้นำของยูดาห์ว่า เขาได้รับการเลือกสรรและตั้งไว้ให้เป็นผู้นำ เป็นเหมือนแหวนตรา
สมัยโบราณมีการใช้แหวนตราเป็นเครื่องหมายระบุตัวตน แทนที่จะเซ็นชื่อ ทุกคนจะนาบแหวนลงบนขี้ผึ้งร้อนๆ หรือดินเหนียวนิ่มๆ เพื่อประทับตราของตน ในฐานะลูกของพระเจ้า เราเองก็ได้ประทับตราไว้บนโลกนี้เมื่อเราเผยแพร่ข่าวประเสริฐ แบ่งปันพระคุณของพระเจ้าผ่านการรักเพื่อนบ้านและหยุดยั้งการกดขี่ข่มเหง
เราแต่ละคนมีตราประทับที่แตกต่างกันซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราได้รับการสร้างตามพระฉายาของพระเจ้าและมีของประทานภาระใจและปัญญาต่างกันไปตามแต่ละคน เป็นการทรงเรียกและเป็นสิทธิพิเศษของเราที่จะเป็นแหวนตราของพระเจ้าในโลกใบนี้
พระบิดาเจ้า ในวันนี้ขอให้ข้าพระองค์ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงในฐานะบุตรของพระองค์ (ดู ลูกา 15)
เราเป็นผู้รับมรดกและเป็นทูตของพระเจ้าในการแบ่งปันความรักในโลกนี้

โดย Amy Boucher Pye
พันธกิจมานาประจำวัน

Signet Ring
“I will make you like my signet ring, for I have chosen you,” declares the Lord. Haggai 2:23
When I first made the acquaintance of a new friend from abroad, I noticed his posh English accent and that he wore a ring on his little finger. Later I learned that this wasn’t just jewelry; it revealed his family’s history through the family crest engraved on it.
It was a bit like a signet ring—perhaps like the one in Haggai. In this short Old Testament book, the prophet Haggai calls for the people of God to restart the rebuilding of the temple. They had been exiled and had now returned to their homeland and begun rebuilding, but enemy opposition to their project had stalled them. Haggai’s message includes God’s promise to Zerubbabel, Judah’s leader, that he had been chosen and set apart as their leader, like a signet ring.
In ancient times, a signet ring was used as a means of identification. Instead of signing their name, people would press their ring into hot wax or soft clay to make their mark. As God’s children, we too make a mark on the world as we spread the gospel, share His grace through loving our neighbors, and work to end oppression.
Each of us has our own unique stamp that reveals how we’re created in God’s image and expresses our particular mix of gifts, passions, and wisdom. It’s our call and privilege to act as this signet ring in God’s world.
Father God, may I know my true identity as Your heir this day. (See Luke 15.)
We are God’s heirs and ambassadors, sharing His love in the world.

By Amy Boucher Pye

Our Daily Bread Ministries

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คล้องอยู่ในความรัก Locked Into Love

จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ - สดุดี 106:1
          เดือนมิถุนายนปี 2015 เทศบาลนครปารีส รื้อถอนแม่กุญแจน้ำหนัก 45 ตันออกจากสะพานคนข้ามปงเดซาร์ คู่รักจำนวนมากแสดงความรักโดยการสลักชื่อย่อลงบนแม่กุญแจ ล็อคไว้กับราวสะพาน และขว้างลูกกุญแจลงแม่น้ำแซน
          เมื่อมีคนทำตามเป็นพันๆ สะพานก็ไม่อาจรับน้ำหนัก ความรักที่มากมายได้อีก ในที่สุดเทศบาลจึงรื้อถอน กุญแจแห่งความรักทั้งหมดออกเพราะกลัวสะพานพัง
          กุญแจเหล่านั้นถูกคล้องไว้ให้เป็นสัญลักษณ์ของรักนิรันดร์ แต่ความรักของมนุษย์ไม่ยั่งยืน เพื่อนสนิทที่สุดอาจทำร้ายจิตใจกันและไม่มีวันคืนดีได้ ครอบครัวอาจทะเลาะและไม่ยอมให้อภัย สามีภรรยาอาจห่างเหินเสียจนจำไม่ได้ว่าทำไมครั้งหนึ่งเคยตัดสินใจแต่งงานกัน ความรักของมนุษย์ไม่แน่นอน
          แต่ยังมีความรักที่มั่นคงและยั่งยืน คือความรักของพระเจ้า สดุดี 106:1 กล่าวว่า จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์พระสัญญาเรื่องความรักที่ไม่มีวันสูญสิ้นอยู่ในพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม และหลักฐานสำคัญที่สุดของความรักนี้คือการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรเพื่อผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้มีชีวิตนิรันดร์ และไม่มีสิ่งใดจะแยกเราออกจากความรักของพระองค์ได้ (รม.8:38-39)
          ผู้เชื่อทุกคนถูกคล้องไว้ในความรักของพระเจ้าตลอดกาล
          พระบิดาเจ้า เราขอบพระคุณสำหรับความรักที่ไม่สิ้นสุดของพระองค์ เราอยู่ในความรักของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตอยู่ในเรา
          การสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์ คือเครื่องวัดความรักที่พระเจ้ามีต่อฉัน
โดย Cindy Hess Kasper
พันธกิจมานาประจำวัน

Locked Into Love
Give thanks to the Lord, for he is good; his love endures forever. Psalm 106:1
          In June 2015, the city of Paris removed forty-five tons of padlocks from the railings of the Pont des Arts pedestrian bridge. As a romantic gesture, couples would etch their initials onto a lock, attach it to the railing, click it shut, and throw the key into the River Seine.
          After this ritual was repeated thousands of times, the bridge could no longer bear the weight of so much “love.” Eventually the city, fearing for the integrity of the bridge, removed the “love locks.”
          Give thanks to the Lord, for he is good; his love endures forever. Psalm 106:1
The locks were meant to symbolize everlasting love, but human love does not always last. The closest of friends may offend each other and never resolve their differences. Family members may argue and refuse to forgive. A husband and wife may drift so far apart that they can’t remember why they once decided to marry. Human love can be fickle.
          But there is one constant and enduring love—the love of God. “Give thanks to the Lord, for he is good; his love endures forever,” proclaims Psalm 106:1. The promises of the unfailing and everlasting nature of God’s love are found throughout Scripture. And the greatest proof of this love is the death of His Son so that those who put their faith in Him can live eternally. And nothing will ever separate us from His love (Rom. 8:38–39).
          Fellow believers, we are locked into God’s love forever.
          I’m grateful for Your unending love, Father. I’m locked into Your love by the Holy Spirit who is living in me.
          Christ’s death and resurrection are the measure of God’s love for me.

By Cindy Hess Kasper

Our Daily Bread Ministries

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คำพูดธรรมดา The Power of Simple Words

เพราะว่าเมื่อเราได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบถึงฤทธิ์เดชของพระเยซูคริสต์ของเราและการที่พระองค์จะเสด็จมานั้น เราไม่ได้คล้อยตามนิยายที่เขาแต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด แต่เราเป็นพยานผู้รู้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ - 2 เปโตร 1:16
          เสียงหัวเราะดังสนั่นทำให้รู้ว่าคนที่มาเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลมีลุงคนขับรถบรรทุกสองคน อดีตนักร้องเพลงคันทรี่ ช่างฝีมือ ผู้หญิงสองคนจากฟาร์มใกล้เคียงและผม
แล้วเขาก็ลุกขึ้น เอาขวดฟาดหัวผมช่างฝีมือเล่าตอนจบของการชกต่อยในร้านเหล้า
ทุกคนหัวร่องอหายกับเหตุการณ์ที่บัดนี้กลายเป็นเรื่องตลก พ่อหายใจขัดเพราะหัวเราะ ท่านจึงพยายามสูดหายใจฝืนสู้กับมะเร็ง ท่านเตือนว่า แรนดี้เป็นนักเทศน์ให้เราทุกคนระวังคำพูด ทุกอย่างเงียบไปสองวินาที แล้วทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหนักกว่าเดิม
40 นาทีผ่านไป จู่ๆ ช่างฝีมือก็กระแอมหันมาทางพ่อ ทำท่าจริงจัง ฮาเวิร์ด ผมไม่ดื่มและชกต่อยในร้านเหล้าอีกแล้ว มันเป็นอดีตบัดนี้ผมมีเป้าหมายชีวิตใหม่ ผมอยากเล่าเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดของผมให้ฟัง
          แล้วเขาก็เล่าต่อ แต่พ่อผมแสดงการต่อต้านเพียงเล็กน้อยจนไม่น่าเชื่อ ผมไม่เคยเห็นใครเล่าข่าวประเสริฐได้ไพเราะและอ่อนโยนเท่านั้นมาก่อน พ่อฟังและมอง และรับเชื่อพระเยซูในเวลาหลายปีต่อมา
          นั่นเป็นคำพยานที่เรียบง่ายจากเพื่อนเก่าที่มีชีวิตเรียบง่าย ทำให้ผมคิดได้อีกครั้งหนึ่งว่า ความเรียบง่าย ไม่ใช่ความไร้เดียงสาหรือความโง่เขลา แต่เป็นความตรงไปตรงมาและไม่เสแสร้ง
          เช่นเดียวกับพระเยซูและความรอด
          จงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา
 โดย Randy Kilgore 
พันธกิจมานาประจำวัน

The Power of Simple Words
We did not follow cleverly devised stories when we told you about the coming of our Lord Jesus Christ in power, but we were eyewitnesses of his majesty. 2 Peter 1:16
          Raucous laughter marked the guests in my father's hospital room: Two old truck drivers, one former country/western singer, one craftsman, two women from neighboring farms, and me.
          "...and then he got up and busted the bottle over my head," the craftsman said, finishing his story about a bar fight..
          The room bursts into laughter at this now-humorous memory. Dad, struggling for breath as his laughing fought with his cancer for the air in his lungs, puffs out a reminder to everybody that “Randy is a preacher" so they need to watch what they say. Everything got quiet for about two seconds, then the whole room exploded as this news makes them laugh harder and louder.     
          Suddenly, about forty minutes into this visit, the craftsman clears his throat, turns to my dad, and gets serious. "No more drinking and bar fights for me, Howard. Those days are behind me. Now I have a different reason to live. I want to tell you about my Savior."
          He then proceeded to do just that, over my father's surprisingly mild protests.  If there's a sweeter, gentler way to present the gospel message, I've never heard it.
          My dad listened and watched, and some years later believed in Jesus too.
          It was a simple testimony from an old friend living a simple life, reminding me again that simple isn't naïve or stupid; it's direct and unpretentious.
          Just like Jesus. And salvation.
          Go and make disciples of all nations. Matthew 28:19

          By Randy Kilgore

Our Daily Bread Ministries

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ฉันจะให้อะไรพระองค์? What Can I Give Him?

จิตใจของข้าเอ๋ยจงถวายสาธุการแด่พระเจ้าและอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ - สดุดี 103:2
คริสต์มาสปีหนึ่ง กลุ่มคนที่ตกแต่งคริสตจักรเลือกใช้หัวข้อ รายชื่อของขวัญวันคริสต์มาสคือแทนที่จะตกแต่งด้วยของประดับสีเงินสีทองแวววาว พวกเขาแจกกระดาษสีแดงหรือสีเขียว ด้านหนึ่งให้เขียนรายชื่อของขวัญที่อยากได้จากพระเยซู ส่วนอีกด้านหนึ่งให้เขียนรายชื่อของขวัญที่อยากมอบให้พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของวันเกิด
หากคุณได้เขียน คุณจะขออะไรและให้อะไร พระคัมภีร์ให้แนวทางไว้มากมาย พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นทุกอย่าง ดังนั้นเราอาจของานใหม่ ขอความช่วยเหลือด้านการเงิน ขอการรักษาฝ่ายร่างกาย ขอการคืนดี หรือเราอาจอยากรู้ว่าของประทานฝ่ายวิญญาณที่เรามีเพื่อรับใช้พระเจ้าคืออะไร ซึ่งมีเขียนไว้มากมายในโรม 12 และ 1 โครินธ์ 12 หรือเราอาจต้องการสำแดงผลพระวิญญาณมากขึ้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน (กท.5:22-23)
ของขวัญประเสริฐที่สุดที่เราจะได้รับคือ พระบุตรของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด ในพระองค์มีการอภัยโทษ การฟื้นฟู และพระสัญญาเรื่องชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่จะเป็นของเราตั้งแต่บัดนี้และตลอดไป และของขวัญที่มีค่าที่สุดที่เราจะมอบให้แก่พระเยซูได้คือหัวใจของเรา
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ประทานของขวัญมากมายให้แก่ข้าพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าพระองค์ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าพระองค์จะให้ได้ โปรดสำแดงว่าพระองค์ทรงต้องการสิ่งใดจากข้าพระองค์มากที่สุด
ข้าเป็นคนลำเค็ญชีวัน สุดที่จะพรรณนา ขอมอบดวงใจและกายา มาบูชาพระองค์ได้ คริสตินา จี. รอเซ็ตติ
โดย Marion Stroud
พันธกิจมานาประจำวัน

What Can I Give Him?
Praise the Lord, my soul, and forget not all his benefits. Psalm 103:2
One year, those responsible for decorating their church for Christmas decided to use the theme of “Christmas lists.” Instead of decorating with the usual shiny gold and silver ornaments, they gave each person a red or green tag. On one side they were to write down the gift they would like from Jesus, and on the other they were to list the gift they would give to the One whose birth they were celebrating.
If you were to do this, what gift would you ask for and what would you offer? The Bible gives us lots of ideas. God promises to supply all our needs, so we might ask for a new job, help with financial problems, physical healing for ourselves or others, or a restored relationship. We might be wondering what our spiritual gift is that equips us for God’s service. Many of these are listed in Romans 12 and 1 Corinthians 12. Or we might long to show more of the fruit of the Holy Spirit: to be more loving, joyful, peaceful, patient, kind and good, faithful, gentle and self-controlled (Gal. 5:2223).
Praise the Lord, my soul, and forget not all his benefits. Psalm 103:2
The most important gift we can ever receive is God’s gift of His Son, our Savior, and with Him forgiveness, restoration, and the promise of spiritual life that begins now and lasts forever. And the most important gift we can ever give is to give Jesus our heart.
You overwhelm me with Your gifts, Lord. In return, I want to give You the very best present that I can. Please show me what You want most from me.
If I were a wise man, I would do my part. Yet what can I give Him—give Him my heart. Christina G. Rossetti

By Marion Stroud
  Our Daily Bread Ministries

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ของขวัญที่ดีที่สุด The Best Gift Ever

จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอเพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่าท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด - 1 เปโตร 3:15
ในการประชุมรีทรีตช่วงฤดูหนาวทางตอนเหนือของนิวอิงแลนด์ ชายคนหนึ่งถามขึ้นว่า ของขวัญคริสต์มาสชิ้นโปรดของคุณคืออะไร?”
ชายหนุ่มนักกีฬารีบตอบพร้อมเหลือบมองเพื่อนที่นั่งติดกัน ง่ายมาก 2-3 ปีก่อน ผมเรียนจบและตั้งเป้าว่าต้องได้เล่นฟุตบอลอาชีพ แต่เมื่อไม่เป็นไปตามนั้น ผมโกรธความขมขื่นกัดกินผมและผมส่งต่อความขมขื่นให้ทุกคนที่พยายามช่วย
ต่อมาในคริสต์มาสที่สองที่ผมไม่ได้เล่นฟุตบอล ผมได้ไปดูละครคริสต์มาสที่โบสถ์ของเพื่อนเขากล่าวพร้อมกับชี้ไปที่เพื่อน ไม่ใช่เพราะผมต้องการพระเยซู ผมแค่จะไปดูหลานสาวเล่นละคร ผมบอกไม่ถูกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น อาจฟังดูตลก คือระหว่างที่เด็กๆ กำลังแสดงละคร ผมรู้สึกอยากเข้าไปพบพระเยซูพร้อมกับคนเลี้ยงแกะและทูตสวรรค์ เมื่อทุกคนร้องเพลง ราตรีสงัดจบ ผมก็นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น
คืนนั้นเองผมได้รับของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดเขากล่าวและชี้ไปที่เพื่อนอีกครั้ง เพื่อนคนนี้ไม่ได้กลับบ้านพร้อมครอบครัว แต่อยู่ต่อเพื่อบอกผมว่าผมจะพบพระเยซูได้อย่างไร
เพื่อนคนนั้นโพล่งขึ้นทันทีว่า และนั่นคือของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดสำหรับผม
คริสต์มาสนี้ ให้เราเล่าเรื่องการประสูติอันน่ายินดีของพระเยซูให้ผู้อื่นได้ฟัง
ของขวัญวันคริสต์มาสที่ดีที่สุด คือพระเยซูผู้ทรงนำเอาสันติสุขและการอภัยโทษมาให้
  
โดย Randy Kilgore
พันธกิจมานาประจำวัน

The Best Gift Ever
Always be prepared to give an answer to everyone who asks you to give the reason for the hope that you have. 1 Peter 3:15
At a winter retreat in northern New England, one of the men asked the question, “What was your favorite Christmas gift ever?”
One athletic man seemed eager to answer. “That’s easy,” he said, glancing at his friend next to him. “A few years back, I finished college thinking I was a sure bet to play professional football. When it didn’t happen, I was angry. Bitterness ate at me, and I shared that bitterness with anyone who tried to help me.”
 “On the second Christmas—and second season without football—I went to a Christmas play at this guy’s church,” he said, gesturing toward his friend. “Not because I wanted Jesus, but just to see my niece in her Christmas pageant. It’s hard to describe what happened because it sounds silly, but right in the middle of that kids’ play, I felt like I needed to be with those shepherds and angels meeting Jesus. When that crowd finished singing ‘Silent Night,’ I just sat there weeping.
“I got my best Christmas present ever that very night,” he said, again pointing to his friend, “when this guy sent his family home without him so he could tell me how to meet Jesus.”
It was then that his friend piped up: “And that, guys, was my best Christmas present ever.”
This Christmas, may the joyful simplicity of the story of Jesus’s birth be the story we tell to others.
The best Christmas gift is Jesus bringing peace and forgiveness to others.


By Randy Kilgore

Our Daily Bread Ministries

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องนี้มีความหมาย A Personal Story

แม้บิดาและมารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ 
แต่พระเจ้าจะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น- สดุดี 27:10
ทารกแรกคลอดถูกทิ้งไว้ที่รางหญ้าในฉากจำลองวันประสูติของพระเยซูหน้าคริสตจักรในเมืองนิวยอร์ค แม่วัยรุ่นผู้สิ้นหวังห่อร่างเขาไว้อย่างอบอุ่นและวางไว้ในที่ที่จะมีคนเห็น หากเรารู้สึกอยากจะกล่าวโทษเธอ ให้เราขอบคุณพระเจ้าแทนดีกว่า ที่เด็กน้อยคนนี้ได้มีโอกาสมีชีวิต
         เรื่องนี้มีความหมายสำหรับผม ผมเองก็เป็นลูกบุญธรรม และไม่เคยร้เูลยว่าสถานการณ์ตอนผมเกิดเป็นอย่างไร แต่ผมไม่เคยรู้สึกถูกทอดทิ้ง สิ่งที่ผมมั่นใจคือ ผมมีแม่สองคนที่ต้องการให้ผมมีโอกาสมีชีวิต คนหนึ่งมอบชีวิต อีกคนหนึ่งทุ่มเทชีวิตให้กับผม
ในอพยพ เราได้อ่านเรื่องของแม่คนหนึ่งที่รักลูก แต่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ฟาโรห์ออกคำสั่งให้ฆ่าทารกเพศชายชาวยิวทุกคน (1:22) แม่ของโมเสสซ่อนเขาไว้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อโมเสสอายุสามเดือน เธอเอาเขาใส่ตะกร้ากันน้ำแล้วเอาไปไว้ในแม่น้ำไนล์ หากเธอได้วางแผนไว้ว่าเด็กจะได้รับการช่วยชีวิตโดยธิดาของฟาโรห์ ได้โตขึ้นในพระราชวังและในที่สุดจะได้ปลดปล่อยชนชาติของเขาจากการเป็นทาส แผนของเธอก็เป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อแม่ผู้สิ้นหวังมอบโอกาสให้แก่ลูกของเธอ พระเจ้าทรงสามารถดูแลต่อให้ได้ พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นอยู่เสมอ ในแบบที่สร้างสรรค์เกินที่ใครจะคาดเดา
ข้าแต่พระบิดา วันนี้เราขออธิษฐานเผื่อผู้ที่กำลังเผชิญความสิ้นหวังและโดดเดี่ยว ขออธิษฐานเป็นพิเศษสำหรับเด็กยากไร้และไร้ทางสู้ทั่วโลก ขอทรงช่วยเราให้ช่วยเหลือพวกเขาในทางที่ทำได้
จงแบ่งปันความรักของพระคริสต์
โดย Tim Gustafson
พันธกิจมานาประจำวัน

A Personal Story
Even if my father and mother abandon me, the Lord will hold me close. Psalm 27:10 nlt
A baby just hours old was left in a manger in a Christmas nativity outside a New York church. A young, desperate mother had wrapped him warmly and placed him where he would be discovered. If we are tempted to judge her, we can instead be thankful this baby will now have a chance in life.
This gets personal for me. As an adopted child myself, I have no idea about the circumstances surrounding my birth. But I have never felt abandoned. Of this much I am certain: I have two moms who wanted me to have a chance in life. One gave life to me; the other invested her life in me.
Share the love of Christ.
In Exodus we read about a loving mother in a desperate situation. Pharaoh had ordered the murder of all baby boys born to the Jewish people (1:22). So Moses’s mother hid him as long as she could. When Moses was three months old, she put him in a watertight basket and placed the basket in the Nile River. If the plan was to have the baby rescued by a princess, grow up in Pharaoh’s palace, and eventually deliver his people out of slavery, it worked perfectly.
When a desperate mother gives her child a chance, God can take it from there. He has a habit of doing that—in the most creative ways imaginable.
Father, today we pray for those facing desperate and lonely times. We pray especially for poor and defenseless children everywhere. Help us meet their needs as we are able.

 By Tim Gustafson

Our Daily Bread Ministries

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กระจายความสุข Spreading Joy

ฝ่ายทูตองค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า อย่ากลัวเลยเพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง” - ลูกา 2:10
เมื่อเจเน็ตไปสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนที่ต่างประเทศ เธอพบว่าบรรยากาศช่างขมุกขมัวและหดหู่ ผู้คนทำงานของตน แต่ไม่มีใครดูมีความสุข ไม่มีใครช่วยเหลือหรือให้กำลังใจกัน เจเน็ตขอบพระคุณในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อเธอและแสดงออกในทุกการกระทำ เธอยิ้ม เธอเป็นมิตร เธอละจากธุระของตนเพื่อไปช่วยคนอืน่ เธอฮัมเพลงสรรเสริญพระเจ้า
เมื่อเจเน็ตแบ่งปันความสุขของเธอทีละเล็กทีละน้อย บรรยากาศที่โรงเรียนเริ่มเปลี่ยน มีคนยิ้มแย้มและช่วยเหลือกันเพิ่มขึ้นทีละคน เมื่อมีผู้บริหารมาเยี่ยมโรงเรียนถามว่าทำไมโรงเรียนจึงเปลี่ยนไปมาก ครูใหญ่ที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้าตอบว่า พระเยซูนำความสุขมาให้เจเน็ตเต็มล้นไปด้วยความชื่นบานของพระเจ้าและหลั่งไหลไปยังผู้ที่อยู่รอบตัวเธอ
พระกิตติคุณลูกาเล่าว่าพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ไปหาคนเลี้ยงแกะธรรมดาๆ เพื่อบอกข่าวการประสูติครั้งสำคัญ ทูตสวรรค์ประกาศข่าวอันน่าประหลาดใจว่าเด็กแรกเกิดคนนั้นจะนำ ความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง” (ลก.2:10) และก็เป็นเช่นนั้นจริง
นับแต่นั้นมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ข่าวนี้ถูกเผยแพร่มาจนถึงยุคของเรา และเราเป็นผู้ส่งสารแห่งความสุขของพระคริสต์ให้แก่โลก โดยพระวิญญาณที่อยู่ในเรา เรากระจายความชื่นชมยินดีของพระเยซูได้ด้วยการปฏิบัติตามอย่างพระองค์และรับใช้ผู้อื่น
วันนี้คุณจะกระจายความชื่นชมยินดีของพระเยซูให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไร
จงให้ความสุขของวันคริสต์มาสอยู่กับคุณทุกวัน

โดย Julie Ackerman Link
พันธกิจมานาประจำวัน

Spreading Joy
The angel said to them, “Do not be afraid. I bring you good news that will cause great joy for all the people.” Luke 2:10
When Janet went to teach English in a school overseas, she found the atmosphere gloomy and depressing. People did their jobs, but no one seemed happy. They didn't help or encourage one another. But Janet, grateful for all that God had done for her, expressed it in everything she did. She smiled. She was friendly. She went out of her way to help people. She hummed songs and hymns.
Little by little, as Janet shared her joy, the atmosphere at the school changed. One by one people began to smile and help each other. When a visiting administrator asked the principal why his school was so different, the principal, who was not a believer, responded, “Jesus brings joy.” Janet was filled to overflowing with the joy of the Lord and it spilled over to those around her.
Take the joy of Christmas with you every day.
The gospel of Luke tells us that God sent an angel to ordinary shepherds to deliver an extraordinary birth announcement. The angel made the surprising proclamation that the newborn baby “will cause great joy for all the people” (Luke 2:10), which indeed He did.
Since then this message has spread through the centuries to us, and now we are Christ's messengers of joy to the world. Through the indwelling of the Holy Spirit, we continue the practice of spreading the joy of Jesus as we follow His example and serve others.
How might you spread the joy of Jesus to others today?
Take the joy of Christmas with you every day.

By Julie Ackerman Link

Our Daily Bread Ministries

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

รักศัตรู Enemy Love

แม้ว่าท่านทั้งหลายรักผู้ที่รักท่าน จะทรงนับว่าเป็นคุณอะไรแก่ท่าน - ลูกา 6:32
เมื่อสงครามปะทุขึ้นในปี 1950 คิม ชินคยอง วัย 15 ปี เข้าร่วมกองทัพเกาหลีใต้เพื่อปกป้องบ้านเกิด แต่เขาไม่พร้อมสำหรับความสยดสยองของการสู้รบ ในขณะที่เพื่อนพากันล้มตาย เขาทูลขอชีวิตจากพระเจ้าและสัญญาว่า หากเขารอดชีวิต เขาจะรักศัตรู
65 ปีต่อมา ดร.คิม ปฏิบัติตามคำอธิษฐานที่พระเจ้าทรงตอบ ตลอดหลายสิบปีที่เขาดูแลเด็กกำพร้าและช่วยเหลือเด็กเกาหลีเหนือและจีนด้านการศึกษา เขาได้เพื่อนมากมายจากกลุ่มคนที่เขาเคยถือว่าเป็นศัตรู ทุกวันนี้เขาปฏิเสธฉายาทางการเมือง แต่เรียกตนเองว่า ผู้มีความรัก เพื่อแสดงความเชื่อของเขาในพระเยซู
ผู้เผยพระวจนะโยนาห์ให้บทเรียนอีกด้านหนึ่งแก่เรา แม้จะได้รับการช่วยกู้อย่างอัศจรรย์จากท้องปลายักษ์ แต่ใจของเขาก็ไม่เปลี่ยน แม้ว่าต่อมาเขาจะเชื่อฟังพระเจ้า แต่โยนาห์กล่าวว่าขอตายเสียดีกว่าเห็นพระเจ้าสำแดงพระเมตตาแก่ศัตรู (ยนห.4:1-2, 8)
เราทำได้เพียงแค่เดาว่าสุดท้ายแล้วโยนาห์เรียนรู้ที่จะห่วงใยชาวนีนะเวห์หรือไม่ แต่คนที่เราต้องถามคือตัวเราเอง เราคิดต่อคนที่เรากลัวและเกลียดด้วยท่าทีเดียวกับโยนาห์หรือไม่ หรือเราทูลขอพระเจ้าประทานความสามารถที่จะรักศัตรูเช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาต่อเรา
พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ เช่นเดียวกับผู้เผยพระวจนะดื้อรั้น เรามักจะรักเฉพาะคนที่รักเรา แต่พระองค์ยังทรงรักเรา แม้เมื่อเราสนใจแต่เรื่องของตนเอง ปรดประทานพระคุณให้เราเป็นเหมือนพระเยซู ไม่ใช่โยนาห์
ความรักชนะทุกสิ่ง
โดย Mart De Haan
พันธกิจมานาประจำวัน

Enemy Love
If you love those who love you, what credit is that to you? Luke 6:32
When war broke out in 1950, fifteen-year-old Kim Chin-Kyung joined the South Korean army to defend his homeland. He soon found, however, that he wasn’t ready for the horrors of combat. As young friends died around him, he begged God for his life and promised that, if allowed to live, he would learn to love his enemies.
Sixty-five years later, Dr. Kim reflected on that answered prayer. Through decades of caring for orphans and assisting in the education of North Korean and Chinese young people, he has won many friends among those he once regarded as enemies. Today he shuns political labels. Instead he calls himself a loveist as an expression of his faith in Jesus.
God, please give us the grace to be more like Jesus.
The prophet Jonah left a different kind of legacy. Even a dramatic rescue from the belly of a big fish didn’t transform his heart. Although he eventually obeyed God, Jonah said he’d rather die than watch the Lord show mercy to his enemies (Jonah 4:1–2, 8).
We can only guess as to whether Jonah ever learned to care for the people of Nineveh. Instead we are left to wonder about ourselves. Will we settle for his attitude toward those we fear and hate? Or will we ask God for the ability to love our enemies as He has shown mercy to us?
Father in heaven, like Your reluctant prophet, we are inclined to love only those who love us. Yet You loved us even when we cared only for ourselves. Please give us the grace to be more like Jesus than Jonah.
Love conquers all.

By Mart DeHaan

Our Daily Bread Ministries

คุณว่าพระองค์เป็นผู้ใด? Who Do You Say He Is?


แล้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร? - มัทธิว 16:15
ปี 1929 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารฉบับหนึ่งว่า เมื่อเป็นเด็ก ผมได้รับคำสอนทั้งจากพระคริสตธรรมคัมภีร์และคัมภีร์ทาลมุด ผมเป็นยิว แต่ผมประทับใจความโดดเด่นของพระเยซูไม่มีใครที่อ่านพระกิตติคุณแล้วจะไม่รู้สึกว่าพระองค์ทรงมีอยู่จริง พระลักษณะของพระองค์แฝงอยู่ในทุกถ้อยคำ ชีวิตเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บันทึกถึงเพื่อนร่วมชาติของพระเยซูอีกคนหนึ่งที่สัมผัสได้ว่าพระองค์ทรงมีความพิเศษ เมื่อพระเยซูถามพวกสาวกว่า คนทั้งหลายพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นผู้ใดเขาทูลตอบว่า บางคนบอกว่าเป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่นว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ (มธ.16:14) การได้รับการเอ่ยชื่อพร้อมกับผู้เผยพระวจนะคนสำคัญของอิสราเอลถือเป็นคำชม แต่พระเยซูไม่ได้แสวงหาคำชม พระองค์ทรงตรวจสอบความเข้าใจและมองหาความเชื่อของพวกเขา พระองค์จึงทรงถามคำถามที่สองว่า แล้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร?”(16:15)
คำตอบของเปโตรแสดงความจริงเกี่ยวกับพระเยซูว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” (ข้อ 16)
พระเยซูทรงปรารถนาให้เรารู้จักพระองค์และความรักแห่งการช่วยกู้ ด้วยเหตุนี้เราแต่ละคนจึงต้องตอบคำถามว่า คุณคิดว่าพระเยซูเป็นใคร?”
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาจะรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น โปรดทรงสอนข้าพระองค์เกี่ยวกับพระลักษณะอันงดงามของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรักพระองค์มากขึ้น และติดตามพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ
คำถามสำคัญของชีวิตนิรันดร์ คือ พระเยซูทรงเป็นผู้ใด

โดย Bill Crowder
พันธกิจมานาประจำวัน

Who Do You Say He Is?

Who do you say I am? Matthew 16:15
In a 1929 Saturday Evening Post interview, Albert Einstein said, “As a child I received instruction both in the Bible and in the Talmud. I am a Jew, but I am enthralled by the luminous figure of the Nazarene. . . . No one can read the Gospels without feeling the actual presence of Jesus. His personality pulsates in every word. No myth is filled with such life.”
The New Testament Scriptures give us other examples of Jesus’s countrymen who sensed there was something special about Him. When Jesus asked His followers, “Who do people say the Son of Man is?” they replied that some said He was John the Baptist, others said He was Elijah, and others thought He was Jeremiah or one of the prophets (Matt. 16:14). To be named with the great prophets of Israel was certainly a compliment, but Jesus wasn’t seeking compliments. He was searching their understanding and looking for faith. So He asked a second question: “But what about you? . . . Who do you say I am?” (16:15).
Peter’s declaration fully expressed the truth of Jesus’s identity: “You are the Messiah, the Son of the living God” (v. 16).
Jesus longs for us to know Him and His rescuing love. This is why each of us must eventually answer the question, “Who do you say Jesus is?”
Lord, I long to know You better. Teach me more about Your beautiful character so that I might grow more in love with You and follow You with my whole heart.
The identity of Jesus is the central question of eternity.
By.Bill Crowder 

Our Daily Bread Ministries

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ผู้ทรงกลบเกลื่อน Our Covering


บุคคลผู้ซึ่งได้รับอภัยการละเมิดแล้วก็เป็นสุขคือผู้ทรงกลบเกลื่อนบาปให้นั้น - สดุดี 32:1
เมื่อพูดเรื่องความเชื่อในพระเยซู บางครั้งเราใช้คำพูดโดยไม่มีความเข้าใจหรือไม่มีการอธิบาย ยกตัวอย่างคำว่า ชอบธรรม เราบอกว่าพระเจ้าทรงไว้ซึ่งความชอบธรรมและพระองค์กระทำให้คนของพระองค์ชอบธรรม แต่นี่อาจเป็นแนวคิดที่เข้าใจได้ยาก
          ภาษาจีนให้ภาพคำว่า ความชอบธรรมไว้เป็นการผสมของตัวอักษรสองตัว ส่วนบนคือคำว่าลูกแกะ ส่วนล่างคือคำว่าฉัน ลูกแกะกลบหรือปกคลุมอยู่เหนือคนนั้น
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเรียกพระองค์ว่า พระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยน.1:29) บาปของเราต้องถูกจัดการ เพราะบาปแยกเราออกจากพระเจ้าผู้ทรงมีพระลักษณะและวิถีที่บริสุทธิ์และชอบธรรม เพราะความรักของพระองค์ต่อเรานั้นยิ่งใหญ่ พระเจ้าจึงทรงทำให้พระบุตรคือพระเยซู ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เราเพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” (2 คร. 5:21) พระเยซูคือพระเมษโปดกได้สละพระองค์เองและหลั่งพระโลหิต พระองค์ทรงกลายเป็น ผู้กลบเกลื่อนให้เรา พระองค์ทรงทำให้เราชอบธรรมเป็นเหตุให้เรากลับสู่ความสัมพันธ์อันชอบธรรมกับพระเจ้า
การเป็นผู้ชอบธรรมสำหรับพระเจ้า คือของขวัญจากพระเยซู องค์เมษโปดกคือวิธีที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อปกคลุมเรา
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและกลบเกลื่อนบาปของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้มีความสัมพันธ์กับพระองค์
สิ่งที่กลบเกลื่อนบาปได้อย่างถาวรมีเพียงพระโลหิตพระคริสต์


โดย Anne Cetas
พันธกิจมานาประจำวัน







Our Covering

Blessed is the one whose transgressions are forgiven, whose sins are covered. Psalm 32:1
When talking about faith in Jesus, we sometimes use words without understanding or explaining them. One of those words is righteous. We say that God has righteousness and that He makes people righteous, but this can be a tough concept to grasp.
The way the word righteousness is pictured in the Chinese language is helpful. It is a combination of two characters. The top word is lamb. The bottom word is me. The lamb covers or is above the person.
When Jesus came to this world, John the Baptist called Him “the Lamb of God, who takes away the sin of the world!” (John 1:29). We need our sin taken care of because it separates us from God whose character and ways are always perfect and right. Because His love for us is great, God made His Son Jesus “who had no sin to be sin for us, so that in him we might become the righteousness of God” (2 Cor. 5:21). Jesus, the Lamb, sacrificed Himself and shed His blood. He became our “cover.” He makes us righteous, which places us in right relationship with God.
Being right with God is a gift from Him. Jesus, the Lamb, is God’s way to cover us.
Dear Lord, thank You for dying on the cross for me and covering my sins so that I can have a relationship with You.
The only permanent covering for sin is the blood of Christ.

By Anne Cetas

Our Daily Bread Ministries